https://so08.tci-thaijo.org/index.php/BUA/issue/feed วารสารสถาปัตยกรรมการออกแบบ ผังเมือง และสภาพแวดล้อม 2025-11-26T00:00:00+07:00 ผศ.ดร.ธนภูมิ วงษ์บำหรุ tanaphoom_w@rmutt.ac.th Open Journal Systems <p><strong>บรรณาธิการ</strong></p> <p>ผู้ช่วยศาสตราจารย์.ดร.ธนภูมิ วงษ์บำหรุ, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี</p> <p> </p> https://so08.tci-thaijo.org/index.php/BUA/article/view/3808 Basic Drawing Framework for Architecture Students Pursuing a Bachelor’s Degree: A Case Study on Undergraduate student in Thailand 2024-07-17T22:44:24+07:00 Nawhath Thanwiset Thanvisitthpon nawhath_t@hotmail.com Pimolpun Phetsombat pimolpun_p@rmutt.ac.th <p>This study proposed a basic hand-drawn technical drawings skill (BHTDS) assessment framework to evaluate the BHTDSs of undergraduate students in terms of six indicators, namely (S1) cleanliness, (S2) line transparency, (S3) drawing weight, (S4) precision in drawing, (S5) completeness, and (S6) text. The relevance of the six indicators was evaluated by a random sample of 25 experts in structural design, architecture, engineering, and academia and a questionnaire was developed to collect data from the sample. This study employed a quantitative methodology using IOC analysis, confirmatory factor analysis (CFA), and structural equation modeling (SEM). Statistical analysis and structural equation modeling were performed to validate the indicators by using a random sample of 200 experts, architects, and engineers. All BHTDS indicators were acceptable, with factor loadings of 0.86–0.94 (R2 = 0.74–0.88), a composite reliability of 0.96, and an average variance extracted of 0.81. The validated BHTDS framework was used to assess the skills of 39 undergraduate students. The purpose of this research was to develop and validate a Basic Hand-Drawn Technical Drawing Skills (BHTDS) assessment framework for undergraduate architecture students. The students achieved the highest average score for cleanliness (6.54), followed by perfection (6.49). According to the results of the assessment, the aspect that required the least effort to perfect was the correctness of the students’ drawings, which had the lowest score (6.07).</p> 2025-11-26T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรมการออกแบบ ผังเมือง และสภาพแวดล้อม https://so08.tci-thaijo.org/index.php/BUA/article/view/4114 การศึกษาวิธีการก่อรูปเวทีด้วยไม้ไผ่ 2024-10-21T21:03:19+07:00 แสงจันทร์ กลัญชัย sangjan.klc@gmail.com เสสินี นิ่มสุวรรณ์ xa01in.ar16@gmail.com <p>ไม้ไผ่ คือ พรรณไม้ท้องถิ่นพบได้มากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีปริมาณไม้ไผ่เป็นจำนวนมาก ไม้ไผ่ถือเป็นวัสดุที่สามารถปลูกทดแทนได้ในระยะเวลาอันสั้น เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ชนิดอื่น ๆ ไม้ไผ่จึงเป็นวัสดุที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในงานสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ไม้ไผ่จะถูกนำมาใช้ในการทำเครื่องเรือนและที่อยู่อาศัยแล้ว ไม้ไผ่มักถูกนำไปใช้เป็นนั่งร้านสำหรับงานก่อสร้างด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีน้ำหนักที่เบา ขนย้ายสะดวก ทนทาน ยืดหยุ่นสูง ประกอบและรื้อถอนง่าย และมีราคาถูกกว่าเหล็กนั่งร้าน บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การศึกษาข้อจำกัดในการก่อรูปโครงสร้างด้วยไม้ไผ่ เพื่อพัฒนา “Guild Book” หรือชุดแนวทางการต่อประกอบไม้ไผ่สำหรับการทำเวที ผลการศึกษาพบว่า โครงสร้างไม้ไผ่มีศักยภาพในการออกแบบเวทีได้ที่แสดงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ซ่อมแซมได้ง่าย ราคาประหยัด สามารถถอดประกอบได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง</p> 2025-11-26T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรมการออกแบบ ผังเมือง และสภาพแวดล้อม https://so08.tci-thaijo.org/index.php/BUA/article/view/4185 การศึกษาอิทธิพลของอัตราส่วนความสว่างต่อการป้องกันอาชญากรรมบนทางเท้าสาธารณะสำหรับคนไทย 2024-11-15T13:32:35+07:00 พรรณวดี โรจนศิริ panwadee041@hotmail.com สุฑาลักษณ์ ตันติวงศ์ Sutalak_t@rmutt.ac.th <div><span lang="TH">การศึกษาอิทธิพลของอัตราส่วนความสว่าง (</span>Luminance ratio) <span lang="TH">ต่อการป้องกันอาชญากรรมบนทางเท้าสาธารณะสำหรับคนไทย จากการศึกษาความส่องสว่างจากมาตรฐานของ </span>IESNA <span lang="TH">ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าอัตราส่วนความสว่างที่เหมาะสมอยู่ที่ 4:1 (พื้นหลัง: ใบหน้า) แต่ยังไม่พบอัตราส่วนความสว่างที่เหมาะสมสำหรับคนไทย จึงทำการทดลองโดยใช้หลอดไฟที่ปรับระดับความส่องสว่างได้ฉายไปยังคนและพื้นหลัง เพื่อให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามเพื่อประเมินความรู้สึกปลอดภัยจากอาชญากรรม พฤติกรรมคนเดินเท้า และการระบุตัวตนของอาชญากร ทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ผลการศึกษาค่าความส่องสว่างนำมาเปรียบเทียบกันโดยใช้สถิติ </span>ANOVA <span lang="TH">ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนความสว่างที่ 5:1 มีความเหมาะสมต่อการป้องกันอาชญากรรมบนทางเท้าสาธารณะสำหรับคนไทยมากที่สุด</span></div> 2025-11-26T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารบัว : สถาปัตยกรรมการออกแบบ ผังเมือง และสภาพแวดล้อม https://so08.tci-thaijo.org/index.php/BUA/article/view/5458 นิเวศวิทยาสถาปัตยกรรม: เรียนรู้จากรังนกกระจาบ 2025-07-01T16:01:38+07:00 วีระ อินพันทัง inpuntung_v@su.ac.th ปริญญา มรรคสิริสุข prinya_m@rmutt.ac.th <p>งานวิจัยนี้มุ่งทำความเข้าใจถึงการส่งผลกระทบซึ่งกันและกันระหว่างสถาปัตยกรรมกับสิ่งแวดล้อม หรือที่นิยามว่า นิเวศวิทยาสถาปัตยกรรม วัตถุประสงค์หลักคือ การศึกษาสถาปัตยกรรมสัตว์-รังนกกระจาบ การหาความรู้จากรังนกกระจาบนี้อิงหลักการทางสถาปัตยกรรมเป็นกรอบแนวคิดและการวิเคราะห์ข้อมูล ครอบคลุมประเด็นด้านฤดูกาลทำรัง สถานที่ตั้งรัง วัสดุและวิธีการสร้างรัง ลักษณะพื้นที่และรูปทรงของรัง ตลอดจนหน้าที่ใช้สอย โดยเลือกศึกษากรณีรังนกกระจาบธรรมดา ด้วยวิธีการสำรวจภาคสนาม ทั้งการสังเกตการณ์การทำรังของนกกระจาบและการเก็บรัง (ที่เลิกใช้งานแล้ว) มาศึกษารายละเอียดในห้องปฏิบัติการ</p> <p>ผลการศึกษาปรากฏว่า นกกระจาบซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ตามท้องไร่ ท้องนา ทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ มีฤดูกาลทำรังในช่วงต้นฤดูฝน อันเป็นช่วงที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งวัสดุในการทำรัง-เส้นหญ้า และอาหารเลี้ยงดูลูกอ่อน-เมล็ดธัญพืชและแมลงเล็ก ๆ สถานที่ทำรังมักเลือกต้นไม้ที่มีหนามและขึ้นอยู่ชายน้ำซึ่งเป็นทำเลที่ปลอดภัย ยากแก่การเข้าถึงของศัตรู โดยรวมกลุ่มทำรังอยู่บนต้นไม้เดียวกันนับเป็นสิบ ๆ รังเพื่อช่วยกันปกป้องผองภัย นกกระจาบใช้เส้นหญ้าในละแวกที่อยู่อาศัยนั้นเป็นวัสดุหลักในการสร้างรังด้วยวิธีการสาน จนเป็นรังที่มีรูปน้ำเต้าคอยาว ซึ่งคอที่ยาวลงมาด้านล่างนี้เป็นปล่องทางเข้ารัง มีพื้นที่เลี้ยงดูลูกอ่อนอยู่ภายในอย่างดี บรรลุถึงทั้งความสวยงาม ความแข็งแรงทนทาน และความเหมาะสมต่อประโยชน์ใช้สอย ทั้งหมดนี้ สะท้อนการก่อรูปสิ่งสร้างที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติได้เป็นอย่างดี และเป็นองค์ความรู้ที่สามารถประยุกต์สู่การสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมจากฝีมือมนุษย์ที่สอดคล้องกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมได้ในลำดับต่อไป</p> 2025-11-26T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรมการออกแบบ ผังเมือง และสภาพแวดล้อม https://so08.tci-thaijo.org/index.php/BUA/article/view/5591 นวัตกรรมแก้มลิงใต้ดินสำหรับกักเก็บน้ำและป้องกันน้ำท่วม 2025-07-31T18:56:29+07:00 พลพัฒน์ นิลอุบล polpat_n@rmutt.ac.th กานต์ ศรีสุวรรณ karnt@karnt.com <p>การศึกษานี้เป็นการประเมินประสิทธิภาพของระบบกักเก็บน้ำฝนใต้ดินหลังจากการติดตั้งนวัตกรรมแก้มลิงใต้ดินสำหรับกักเก็บน้ำและป้องกันน้ำท่วม เพื่อในการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือน้ำท่วมในเขตดุสิต กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาน้ำท่วมจากแม่น้ำและน้ำฝนอันเกิดจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น (SLR) การขยายตัวของเมือง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยใช้แบบจำลอง MIKE 11 พร้อมกับเครื่องมือระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) สร้างแผนที่แสดงระดับน้ำท่วมที่มีความละเอียดสูง ภายใต้เงื่อนไขของช่วงเวลาการเกิดซ้ำของน้ำท่วม (Return Periods) และสถานการณ์ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น และทำการคำนวณมูลค่าความเสียหายคาดการณ์รายปีโดยอิงจากการเปลี่ยนแปลงของประเภทอาคารและการใช้ที่ดินที่คาดการณ์ไว้ในปี 2025</p> 2025-11-26T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสถาปัตยกรรมการออกแบบ ผังเมือง และสภาพแวดล้อม