วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://so08.tci-thaijo.org/index.php/EJFE <p><strong>วัตถุประสงค์ของวารสาร</strong></p> <p><strong> </strong>วารสารครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรเป็นวารสารวิชาการที่ให้บริการเผยแพร่ความรู้แก่สังคม โดยมีเป้าหมายดังนี้ 1) เพื่อเผยแพร่ผลงานการวิจัยและองค์ความรู้ทางการศึกษาของคณาจารย์ นิสิต นักศึกษา เจ้าหน้าที่ นักวิชาการของมหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป 2) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการเรียนการสอนในสายครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ 3) เพื่อเป็นแหล่งค้นคว้าข้อมูลทางวิชาการด้านการเรียนการสอนในทุกระดับ 4) เพื่อสร้างความร่วมมือด้านวิชาการของบุคลากรทางการศึกษาทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน</p> <p> </p> <p><strong>ขอบเขตเนื้อหาการตีพิมพ์</strong></p> <p> ขอบเขตเนื้อหาที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร ได้แก่ ด้านครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ประกอบด้วย (1) จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว (2) การประถมศึกษา (3) การศึกษาปฐมวัย (4) การสอนคณิตศาสตร์/คณิตศาสตร์ศึกษา (5) การสอนสังคมศึกษา (6) การสอนภาษาอังกฤษ (7) การสอนภาษาไทย (8) พลศึกษา (9) ดนตรีศึกษา (10) การวิจัยทางการศึกษา (11) การสอนภาษาจีน (12) คอมพิวเตอร์ศึกษา (13) หลักสูตรและการสอน (14) บริหารการศึกษา และศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาอื่นๆ</p> <p><strong> </strong></p> <p><strong>ประเภทบทความที่รับตีพิมพ์</strong></p> <ul> <li>บทความวิจัย (Research Article)</li> <li>บทความวิชาการ (Academic Article)</li> </ul> <p><strong> </strong></p> <p><strong>รูปแบบภาษาที่รับตีพิมพ์ </strong><strong>: </strong>ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ</p> <p><strong> </strong></p> <p><strong>กำหนดการเผยแพร่วารสารประจำปี</strong></p> <p> ทางวารสารกำหนดการเผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ (ราย 6 เดือน) คือ</p> <p> ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน</p> <p> ฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม</p> <p> </p> <p><strong>กระบวนการตีพิมพ์</strong></p> <p><strong> </strong>กระบวนการตีพิมพ์ผลงานในวารสารตั้งแต่การคัดเลือกบทความซึ่งจะต้องได้รับการกลั่นกรองจากกองบรรณาธิการวารสารเป็นเบื้องต้น การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในสาขาเพื่อการประเมินบทความอย่างน้อย 3 ท่าน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน และไม่เปิดเผยรายชื่อผู้ประเมินและผู้นิพนธ์ (Double-blind Peer Review) อีกทั้ง บทความที่ส่งเข้ามาเผยแพร่ในวารสารจะต้องเป็นบทความต้นฉบับ (Original Paper) ที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อนหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาจากกองบรรณาธิการหรือผู้ทรงคุณวุฒิในวารสารอื่นๆ ทั้งนี้ ผู้นิพนธ์จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของทางวารสารอย่างเคร่งครัด และอ้างอิงรูปแบบตามที่วารสารกำหนดเท่านั้น อีกทั้งจะต้องต้องปรับแก้ตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิอย่างครบถ้วนถูกต้อง</p> <p> หากบทความไม่เป็นไปตามที่วารสารกำหนดและ/หรือไม่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ทางวารสารขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับตีพิมพ์บทความไม่ว่ากรณีใดๆ นอกจากนี้ ทางวารสารจะออกหนังสือรับรองการตีพิมพ์ก็ต่อเมื่อบทความได้รับการยอมรับ (Accept Paper) จากกองบรรณาธิการภายหลังที่ผู้นิพนธ์ได้ปรับแก้ตามข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิและผ่านการตรวจสอบของวารสารแล้วเท่านั้น</p> <p> ข้อมูล การอ้างอิง รูปภาพ ความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความถือเป็นความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์ที่จะต้องตรวจสอบเป็นเบื้องต้นและจะต้องไม่คัดลอกผลงานจากแหล่งอื่นทั้งที่เป็นข้อมูลออนไลน์และในรูปแบบเอกสารเกิน 25 เปอร์เซ็นต์ (ตรวจสอบโดย Copy Catch) หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น การฟ้องร้องทางลิขสิทธิ์ เป็นต้น ผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวและไม่ถือเป็นความบกพร่องของกองบรรณาธิการวารสาร</p> <p> </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมสำหรับการตีพิมพ์</strong></p> <p> ปัจจุบัน ทางวารสารยังไม่ได้กำหนดค่าตีพิมพ์ (ฟรี)</p> <p> </p> <p><strong>เจ้าของวารสาร</strong></p> <p> คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร 69 หมู่ 1 ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร 62000 โทรศัพท์ 055-706-555</p> th-TH <p>CC Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0</p> ejfe_edukpru@hotmail.com (Assistant Professor Prajob Khawnman (Ph.D.)) ejfe_edukpru@hotmail.com (Thitinon Chodthitinonkun) Thu, 24 Apr 2025 08:47:24 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ผลการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อพัฒนาการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/EJFE/article/view/4115 <p>การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบคะแนนพัฒนาการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนและหลังการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ ปีการศึกษา 2567 จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนทั้งสิ้น 39 คน เป็นกลุ่มทดลอง ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple random sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ 1) ชุดกิจกรรมแนะแนว โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อพัฒนาการคิดแก้ปัญหา 7 กิจกรรม 2) เครื่องมือแบบวัดการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน t-test ผลการวิจัย พบว่า หลังจากใช้ชุดกิจกรรมแนะแนว โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือ นักเรียนมีคะแนนการคิดแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ สูงกว่าก่อนการใช้ชุดกิจกรรมแนะแนวแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> ชนนิกานต์ ปักคะมา, วิกานดา ชัยรัตน์ Copyright (c) 2025 วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/EJFE/article/view/4115 Thu, 24 Apr 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง ระบบสุริยะ ผ่านการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม https://so08.tci-thaijo.org/index.php/EJFE/article/view/4091 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบสุริยะ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านลำมะโกรก ก่อนเรียนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม 2) เพื่อศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบสุริยะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านลำมะโกรก หลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านลำมะโกรก ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านลำมะโกรก อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 29 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ระบบสุริยะ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ แบบประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (One sample t - test)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน หลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เกม อยู่ในระดับมาก</p> <p> </p> ภัทริน สมภักดี, วรรณพร เลี่ยมสกุล, ปราณี เลิศแก้ว Copyright (c) 2025 วารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/EJFE/article/view/4091 Tue, 29 Apr 2025 00:00:00 +0700