วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal <p><strong>วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี</strong></p> <p><strong>ISSN:</strong> XXXX-XXXX <strong>E-ISSN:</strong> XXXX-XXXX</p> <h3><strong><u>กำหนดการเผยแพร่ 6 ฉบับต่อปี</u></strong></h3> <ul> <li>ฉบับที่ 1 มกราคม – กุมภาพันธ์ (กำหนดออกเดือนกุมภาพันธ์)</li> <li>ฉบับที่ 2 มีนาคม – เมษายน (กำหนดออกเดือนเมษายน)</li> <li>ฉบับที่ 3 พฤษภาคม – มิถุนายน (กำหนดออกเดือนมิถุนายน)</li> <li>ฉบับที่ 4 กรกฎาคม – สิงหาคม (กำหนดออกเดือนสิงหาคม)</li> <li>ฉบับที่ 5 กันยายน – ตุลาคม (กำหนดออกเดือนตุลาคม)</li> <li>ฉบับที่ 6 พฤศจิกายน – ธันวาคม (กำหนดออกเดือนธันวาคม)</li> </ul> <p><strong><span class="TextRun SCXW48558303 BCX8" lang="TH-TH" xml:lang="TH-TH" data-contrast="none"><span class="NormalTextRun SCXW48558303 BCX8" data-ccp-parastyle="Normal (Web)">นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์ : </span></span></strong><span class="TextRun SCXW48558303 BCX8" lang="TH-TH" xml:lang="TH-TH" data-contrast="none"><span class="NormalTextRun SCXW48558303 BCX8" data-ccp-parastyle="Normal (Web)">วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการในกลุ่มสาขาต่าง ๆ ดังนี้</span></span></p> <ul> <li>บริหารธุรกิจ</li> <li>การจัดการทั่วไป</li> <li>นิเทศศาสตร์</li> <li>การบัญชี</li> <li>เศรษฐศาสตร์</li> <li>การจัดการการโรงแรมและการท่องเที่ยว</li> <li>สาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง</li> </ul> <p><span class="TextRun SCXW48558303 BCX8" lang="TH-TH" xml:lang="TH-TH" data-contrast="none"><span class="NormalTextRun SCXW48558303 BCX8" data-ccp-parastyle="Normal (Web)">ซึ่งเป็นผลงานจากบุคลากรของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีและผู้เขียนจากหน่วยงานภายนอก เพื่อเป็นการเผยแพร่และส่งเสริมการนำผลการวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ รวมทั้งเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการระหว่างคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย และบุคคลทั่วไป โดยบทความที่ได้รับการตีพิมพ์นั้น ล้วนผ่านการประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะศาสตร์</span></span></p> คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (Faculty of Management Science, Udon Thani Rajabhat University) th-TH วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี <p><strong>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี</strong></p> <p>ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้<br />ไม่ใช่ความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้จัดทำ บรรณาธิการ กองบรรณาธิการ และคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ความรับผิดชอบด้านเนื้อหาและการตรวจร่างบทความแต่ละเรื่องเป็นความคิดเห็นของผู้เขียนบทความแต่ละท่าน</p> ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและความจงรักภักดีต่อการใช้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2709 <p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ภาพลักษณ์องค์กร และความจงรักภักดีต่อการใช้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) 2) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กร และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อการใช้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยมีประชากรและกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน ในเขตนครหลวงเวียงจันทน์ จาก 9 เมือง ได้แก่ เมืองจันทบุรี เมืองศรีโคตรบอง เมืองไชยเชษฐา เมืองศรีสัตนาค เมืองนาทรายทอง เมืองชัยธานี เมืองหาดทรายฟอง เมืองสังข์ทอง และเมืองปากงึ่ม โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน โดยขั้นแรกใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างทั้ง 9 เมือง และขั้นที่สองใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบโควตา ตามสัดส่วนของจำนวนประชากรแต่ละเมือง เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนาในการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่ายโทรคมนาคม ประกอบด้วย จำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานงานวิจัยใช้การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ เพื่อทดสอบสมมติฐานงานวิจัย ผลการวิจัยพบว่า เหตุผลหลักของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการเลือกใช้บริการเครือข่ายโทรศัพท์คือ เครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการอย่างทั่วถึง ความเร็วที่ใช้ในการเชื่อมอินเตอร์เน็ตและค่าบริการ/โปรโมชั่นมีความเหมาะสม เมื่อทดสอบสมมติฐานงานวิจัย ผลการวิจัย พบว่าปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดประกอบด้วย 6 ด้านที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรได้แก่ ปัจจัยด้านราคา ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจัยด้านบุคคลากร ปัจจัยด้านลักษณะทางกายภาพ และปัจจัยด้านกระบวนการ และมี 5 ด้านที่ส่งผลต่อความจงรักภักดีต่อการใช้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้แก่ ปัจจัยด้านราคา ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ปัจจัยด้านบุคคลากร ปัจจัยด้านลักษณะทางกายภาพ และปัจจัยด้านกระบวนการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> ภูสวรรค์ ภูมมาวง รชต สวนสวัสดิ์ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-02 2024-01-02 5 6 1 25 ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำแท่งในประเทศไทย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2714 <p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำแท่งในประเทศไทย โดยข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาเป็นข้อมูลทุติยภูมิ แบบอนุกรมเวลา ตั้งแต่เดือนมกราคม 2555 ถึง เดือนธันวาคม 2564 รวมทั้งสิ้น 120 เดือน ตัวแปรอิสระที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย ราคาทองคำตลาดโลก อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบ อัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย และดัชนีราคาหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้วิธีการวิเคราะห์สมการถดถอยพหุคูณ ด้วยวิธีกำลังสองน้อยที่สุด ผลการศึกษาพบว่า ราคาทองคำตลาดโลก อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบ มีผลกระทบต่อราคาทองคำแท่งในประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย และดัชนีราคาหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่มีผลกระทบต่อราคาทองคำแท่งในประเทศไทย</p> วัลลพ ล้อมตะคุ ธิติยา ภิบาล นันทนัช พวงมณี ชไมพร หาดแมน ปิ่นรวี นนท์ไกร Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 7 33 กลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2715 <p>วิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่จังหวัดหนองคาย 2) เพื่อกำหนดกลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย และ 3) เพื่อประเมินกลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ดำเนินการ 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัญหาการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 338 คน เครื่องมือการวิจัยใช้แบบสอบถาม เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 2 กำหนดกลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยว เชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถี ใหม่ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 12 คน เครื่องมือการวิจัยใช้แบบสัมภาษณ์ เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์เนื้อหาและสรุปภาพรวม ระยะที่ 3 การประเมินกลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยว เชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถี ใหม่ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 30 คน เครื่องมือการวิจัยใช้แบบประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ เก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. สภาพปัญหาการจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่จังหวัดหนองคาย พบปัญหา 5 ด้าน เรียงค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ลำดับที่ 1 ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ลำดับที่ 2 ด้านความสามารถในการเข้าถึง ลำดับที่ 3 ด้านสิ่งที่ดึงดูด ลำดับที่ 4 ด้านที่พัก และลำดับที่ 5 ด้านกิจกรรม 2. กลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยว เชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ โครงการ/กิจกรรม การประเมินผล ได้แก่ 1) ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก จำนวน 3 กิจกรรม 2) ด้านความสามารถในการเข้าถึง จำนวน 2 กิจกรรม 3) ด้านสิ่งดึงดูดใจ จำนวน 2 กิจกรรม 4) ด้านที่พัก จำนวน 2 กิจกรรม และ 5) ด้านกิจกรรม จำนวน 2 กิจกรรม 3. การประเมินกลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย พบว่า ผลการประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 3.51 ถือว่ากลยุทธ์การจัดการท่องเที่ยว เชิงเกษตรภายใต้ชีวิตวิถีใหม่ ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ผ่านเกณฑ์การประเมิน สามารถนำไปใช้ได้</p> อรทัย ผาพัง บุษกร สุขแสน ประภาพร สุปัญญา Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 35 48 ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเป็นหนี้ภาคครัวเรือน กับการใช้แนวทางปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงบริหารจัดการหนี้สินของประชาชนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ระดับมั่งมีศรีสุข จังหวัดอุบลราชธานี https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2716 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) พฤติกรรมการเป็นหนี้ภาคครัวเรือน 2) การใช้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงการบริหารจัดการหนี้สิน 3) ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเป็นหนี้ภาคครัวเรือน กับการใช้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบริหารจัดการหนี้สิน โดยศึกษาจากประชาชนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ระดับมั่งมีศรีสุข จังหวัดอุบลราชธานี ตัวอย่างจำนวน 357 ครัวเรือน ใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า ประชาชนในหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ระดับมั่งมีศรีสุข มีพฤติกรรมการเป็นหนี้ โดยมีภาระหนี้สิน อยู่ในระดับมาก สภาพรายได้กับรายจ่าย วัตถุประสงค์หลักในการกู้ยืมเงิน และแรงจูงใจและสิ่งกระตุ้นในการกู้ยืม อยู่ในระดับปานกลาง มีการใช้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบริหารจัดการหนี้สิน ด้านความพอประมาณ ด้านความมีเหตุผล ด้านความมีภูมิคุ้มกันที่ดี และด้านมีคุณธรรม อยู่ในระดับมาก ส่วนด้านความรู้ อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเป็นหนี้ภาคครัวเรือน กับการใช้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบริหารจัดการหนี้สินของประชาชน พบว่าภาระหนี้ครัวเรือน มีความสัมพันธ์กับความมีคุณธรรม ด้านความรู้ และด้านมีภูมิคุ้มกันที่ดี สถานภาพรายได้กับรายจ่าย มีความสัมพันธ์กับด้านภูมิคุ้มกันที่ดี ด้านความรู้ และด้านความมีคุณธรรม วัตถุประสงค์หลักในการกู้ยืมมีความสัมพันธ์กับ ด้านความมีคุณธรรม ด้านมีภูมิคุ้มกันที่ดี ด้านความพอประมาณ และด้านความรู้ และแรงจูงใจและสิ่งกระตุ้นในการกู้ยืม มีความสัมพันธ์กับ ด้านมีภูมิคุ้มกันที่ดี ด้านความมีคุณธรรม ด้านความมีเหตุผล ด้านความพอประมาณ และด้านความรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01</p> ปณิดา ธรรมวงค์ นลินี ทองประเสริฐ อัยรดา พรเจริญ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-02 2024-01-02 5 6 49 63 ผลกระทบของศักยภาพของนักบัญชีที่มีผลต่อคุณภาพการปฏิบัติงานของนักวิชาการเงินและบัญชีสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2719 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาศักยภาพของนักบัญชีที่ส่งผลต่อคุณภาพการปฏิบัติงานของนักวิชาการเงินและบัญชีสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักวิชาการเงินและบัญชีสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม จำนวน 195 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์พหุคูณและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ศักยภาพของนักบัญชี ด้านทักษะทางวิชาชีพ และด้านความละเอียดรอบคอบ มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับคุณภาพการปฏิบัติงาน ดังนั้น ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม ควรให้ความสำคัญกับศักยภาพของนักบัญชี โดยมีการพัฒนาและปรับปรุงศักยภาพของนักบัญชีสถาบันอุดมศึกษาในจังหวัดมหาสารคาม ให้มีทักษะด้านวิชาชีพบัญชีที่ดีเป็นที่ยอมรับ มีความชำนาญในงานด้านบัญชี มีความละเอียดรอบคอบ ปฏิบัติงานด้วยความถูกต้องภายใต้กฎระเบียบ ข้อบังคับของวิชาชีพบัญชี ส่งผลให้งานที่ได้รับมอบหมายมีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรในอนาคตต่อไป</p> รุ่งรัศมี รัชสมบัติ อรรถพล หมู่มี Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 65 77 ข้อเสนอเชิงนโยบายในการบริหารการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2724 <p>วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้เพื่อสร้างข้อเสนอเชิงนโยบายในการบริหารการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร ผู้ให้ข้อมูลหลักเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการบริหารการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร จำนวน 31 คน ประกอบด้วย ประธานชุมชน 1 คน กรรมการชุมชน 8 คน ตัวแทนกลุ่มในชุมชน 8 คน ตัวแทนฐานเรียนรู้ 6 คน ตัวแทนเยาวชน 2 คน ตัวแทนสหกรณ์ 1 คน อาจารย์ 1 คน นักพัฒนาชุมชน 1 คน นักบริหารงานสวัสดิการสังคม 1 คน ผู้บริหารเทศบาล 1 คน และสมาชิกสภาเทศบาล 1 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง บันทึกการสนทนากลุ่ม และบันทึกการสังเกต วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยหาค่าดัชนีความสอดคล้อง และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า ร่างข้อเสนอเชิงนโยบายในการบริหารการพัฒนาด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร มีคะแนนเฉลี่ยด้านความเหมาะสม 1.00 คะแนน ความเป็นไปได้ 0.98 คะแนน ความสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของเทศบาล 0.99 คะแนน และความมีประโยชน์ 0.99 คะแนน โดยข้อเสนอเชิงนโยบายการบริหารการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร ประกอบด้วยข้อเสนอเชิงนโยบาย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 การบริหารและการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร ส่วนที่ 2 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร และส่วนที่ 3 การพัฒนาประสิทธิผลการพัฒนาท้องถิ่นด้านเศรษฐกิจพอเพียงของเทศบาลนครสกลนคร</p> พิศดาร แสนชาติ ศราวุธ ผิวแดง Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 79 89 อิทธิพลของกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ คุณภาพการบริการที่มีต่อความผูกพันตราสินค้า และความภักดีของผู้ใช้บริการชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่ง ในจังหวัดเพชรบุรี https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2725 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ คุณภาพการบริการ ความผูกพันตราสินค้า และความภักดีของผู้ใช้บริการ 2) อิทธิพลของกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการที่มีผลต่อความผูกพันตราสินค้าและความภักดีของผู้ใช้บริการ 3) อิทธิพลของคุณภาพการบริการที่มีผลต่อความผูกพันตราสินค้าและความภักดีของผู้ใช้บริการ 4) อิทธิพลของความผูกพันตราสินค้าที่มีผลต่อความภักดีของผู้ใช้บริการ 5) อิทธิพลของความผูกพันตราสินค้าในฐานะตัวแปรคั่นกลางที่เชื่อมโยงกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการที่มีต่อความภักดีของผู้ใช้บริการ และ 6) อิทธิพลของความผูกพันตราสินค้าในฐานะตัวแปรคั่นกลางที่เชื่อมโยงคุณภาพการบริการที่มีต่อความภักดีของผู้ใช้บริการ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ใช้บริการชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งในจังหวัดเพชรบุรี จำนวน 400 คน สุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์การถดถอยแบบง่าย และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้ใช้บริการชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่งมีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ คุณภาพการบริการ ความผูกพันตราสินค้า และความภักดีของผู้ใช้ บริการ โดยรวมอยู่ในระดับมาก 2) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความผูกพันตราสินค้าและความภักดีของผู้ใช้บริการ 3) คุณภาพการบริการมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความผูกพันตราสินค้าและความภักดีของผู้ใช้บริการ 4) ความผูกพันตราสินค้ามีอิทธิพลเชิงบวกต่อความภักดีของผู้ใช้บริการ 5) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความผูกพันตราสินค้าที่มีฐานะเป็นตัวแปรคั่นกลางไปสู่ความภักดีของผู้ใช้บริการ และ 6) คุณภาพการบริการมีอิทธิพลเชิงบวกต่อความผูกพันตราสินค้าที่มีฐานะเป็นตัวแปรคั่นกลางไปสู่ความภักดีของผู้ใช้บริการ ข้อค้นพบจากการวิจัยพบว่า กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ และคุณภาพการบริการเป็นปัจจัยสำคัญ โดยกลยุทธ์ทั้งสองสามารถสร้างความผูกพันตราสินค้าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจให้บริการชมภาพยนตร์แบบสตรีมมิ่ง</p> อารยา จงใจรักษ์ วัชระ เวชประสิทธิ์ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 91 110 รูปแบบการจัดการขยะแบบครบวงจรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ในเขตเทศบาลตำบลหาดคำ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2726 <p>การวิจัยครั้งนี้ แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 มีจุดมุ่งหมายเพื่อตรวจสอบโมเดลการวัดรูปแบบการจัดการขยะแบบครบวงจรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลหาดคำ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย จำนวน 350 คน ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน ผลการศึกษา พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ พิจารณาได้จาก <img title="x^{2}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?x^{2}">= 0.066 <img title="x^{2}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?x^{2}">/df = 1.33 GFI = 0.95 AGFI = 0.92 CFI = 0.99 SRMR = 0.049 และ RMSEA = 0.041 ระยะที่ 2 มีจุดมุ่งหมายเพื่อกำหนดรูปแบบการจัดการขยะแบบครบวงจรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการขยะของเทศบาลตำบลหาดคำ จำนวนทั้งสิ้น 15 คน โดยใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา เพื่อสรุปเป็นรูปแบบการพัฒนา ผลการศึกษา พบว่า การจัดการขยะแบบครบวงจรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมี จำนวน 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการลดการเกิดขยะ จำนวน 3 กิจกรรม 2) ด้านการรีไซเคิลขยะ จำนวน 3 กิจกรรม 3) ด้านการเก็บรวบรวมขนส่งขยะ จำนวน 3 กิจกรรม 4) ด้านการคัดแยกขยะ จำนวน 3 กิจกรรม</p> อัศจรรย์ เมืองแสงสี กฤตติกา แสนโภชน์ ประภาพร สุปัญญา Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 111 124 ส่วนประสมทางการตลาดและคุณภาพบริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการ ศูนย์ฝึกกีฬาบาสเกตบอลเอกชน : กรณีศึกษา EVA – EVOLUTION ACADEMY จังหวัดอุดรธานี https://so08.tci-thaijo.org/index.php/MSJournal/article/view/2727 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาด และปัจจัยด้านคุณภาพบริการที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการศูนย์ฝึกกีฬาบาสเกตบอลเอกชน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ลูกค้าที่มาใช้บริการศูนย์ฝึกกีฬาบาสเกตบอลเอกชน EVA-Evolution Academy จังหวัดอุดรธานี จำนวน 260 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามแบบประมาณค่า 5 ระดับ โดยมีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามที่ 0.758 - 0.869 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการศูนย์ฝึกกีฬาบาสเกตบอลเอกชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ด้านกระบวนการ ด้านบุคคล ด้านราคา ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย และปัจจัยด้านคุณภาพบริการที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการศูนย์ฝึกกีฬาบาสเกตบอลเอกชน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ ด้านความน่าเชื่อถือ และด้านความเห็นอกเห็นใจ</p> บรรณสิทธิ สิทธิบรรณกุล ปาณิสรา ทัศนัยนา ภุชงค์ รุ่งอินทร์ อรจิรา วงศ์อาษา เกรียงไกร พร้อมนฤฤทธิ์ Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2024-01-17 2024-01-17 5 6 125 137