วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

ส่วนหน้าวารสาร

2025-07-22T02:54:19+07:00

การสำรวจองค์ความรู้ภาษาญี่ปุ่นและการท่องเที่ยววิถีชุมชนในจังหวัดนครปฐมของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา

2024-10-29T09:00:52+07:00

บทความวิชาการเรื่องการสำรวจองค์ความรู้ภาษาญี่ปุ่นและการท่องเที่ยววิถีชุมชนในจังหวัดนครปฐมของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษามีเนื้อหาของบทความที่ได้จากการลงสำรวจเบื้องต้นในภาคสนามคือ โรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา 5 แห่งที่อยู่ในอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครปฐม คือ อำเภอเมือง อำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี อำเภอกำแพงแสนและอำเภอบางเลน ในช่วงปีการศึกษา 2566 โดยมีกลุ่มประชากรและกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนในระดับมัธยมศึกษา จำนวน 100 คน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง การพัฒนา WEB-BASED APPLICATION ภาษาญี่ปุ่นสำหรับการท่องเที่ยววิถีชุมชนในจังหวัดนครปฐมสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา นอกจากนี้ในบทความได้ทบทวนวรรณกรรมทางเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยววิถีชุมชนและการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่นในรูปแบบสื่อออนไลน์ในยุคปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้พื้นฐานของกลุ่มเป้าหมายในงานวิจัย เกี่ยวกับวิถีชุมชนของตนเองและองค์ความรู้ภาษาญี่ปุ่น จากผลการสำรวจพบว่าการให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชุมชนของตนเองสำหรับกลุ่มเป้าหมายมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถคิดสร้างสรรค์รูปประโยคต่างๆ ในการนำเสนอการพูดแนะนำชุมชนของตนเองได้อย่างมั่นใจ และเลือกใช้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเพื่อสื่อสารเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ถูกต้องเหมาะสม จึงควรมีการเรียนการสอนด้านองค์ความรู้วิถีชุมชนของตนเองควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่น

การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1

2024-10-25T14:53:51+07:00

การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา และ 2) เปรียบเทียบการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 จำแนกตามตำแหน่ง ประสบการณ์ในการทำงาน และระดับการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 130 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางของเครจซี่และมอร์แกน และสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.84 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ของเชฟเฟ่ (Scheffe') ผลการวิจัยพบว่า 1) การบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ด้แก่ ด้านการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ 2) ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอนในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 1 ที่มีประสบการณ์ในการทำงานและระดับการศึกษาที่ต่างกัน มีความคิดเห็นต่อการบริหารงานวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนการจำแนกตามตำแหน่ง โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน

แนวทางการออกแบบมาสคอตเพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วิศวกรสังคมโดยใช้กลยุทธ์ความน่ารักกรณีศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

2024-11-05T13:58:40+07:00

บทความวิจัยนี้เป็นผลการศึกษาวิจัย เรื่อง แนวทางการออกแบบมาสคอตเพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วิศวกรสังคม โดยใช้กลยุทธ์ความน่ารัก กรณีศึกษา: มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาหาอัตลักษณ์ของวิศวกรสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏ 2. เพื่อหาแนวทางการออกแบบมาสคอตให้สื่อสารอัตลักษณ์วิศวกรสังคม โดยใช้กลยุทธ์ความน่ารักได้ 3. เพื่อออกแบบมาสคอตเพื่อสื่อสารอัตลักษณ์วิศวกรสังคม โดยใช้กลยุทธ์ความน่ารัก สำหรับมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนามาสคอตวิศวกรสังคมแก่มหาวิทยาลัย ราชภัฏอื่น ๆ ที่สนใจต่อไป มีวิธีดำเนินการวิจัยประกอบด้วยการศึกษาวรรณกรรม สังเคราะห์ข้อมูล และการเก็บข้อมูลสัมภาษณ์ ผลการวิจัยมีดังนี้ 1. อัตลักษณ์วิศวกรสังคม ครอบคลุมด้านบุคลิกภาพ บุคลิกภาพตราสินค้า และบุคลิกภาพต้นแบบ 2. แนวทางการออกแบบมาสคอต มี 5 ส่วน คือ 1) รูปลักษณ์ 2) ที่มาของรูปลักษณ์ 3) วิธีการแปลงสาร 4) องค์ประกอบเสริม และ 5) บุคลิกภาพ และลักษณะการแสดงออกทางนิสัย 3. นำผลวิจัยไปพัฒนามาสคอตและทดลองออกแบบการใช้งาน จำนวน 1 ตัว คือ น้องเซ็น ซันนี่ เพื่อเป็นต้นแบบการประยุกต์ผลวิจัยสำหรับหน่วยงานที่สนใจต่อไป

ความโปร่งใสและความมีประสิทธิภาพของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชนในการบริหารจัดการข้อมูลผู้ได้รับบริการสาธารณสุขในสภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ

2025-07-26T23:33:50+07:00

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจและวิเคราะห์ความโปร่งใสและประสิทธิภาพของความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชนในการบริหารจัดการข้อมูลผู้รับบริการสาธารณสุขในสภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ โดยมุ่งเน้นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 จากการศึกษาพบว่ากฎหมายดังกล่าวมีความซับซ้อนและมีปัญหาในการนำไปปฏิบัติจริงโดยเฉพาะในหน่วย งานสาธารณสุขที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณและบุคลากรการอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นวิธีการสำคัญในการเสริมสร้าง ความรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การสร้างนโยบายที่ชัดเจน การพัฒนาคู่มือและแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการอบรมที่เน้นการปฏิบัติจริงเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากร ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีและระบบการจัดการข้อมูลที่มีความปลอดภัยจะช่วยลดความเสี่ยงในการละเมิดข้อมูลส่วน บุคคลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างเสริมแหล่งเรียนรู้ชีวิตจริงและสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในพื้นที่เขาป่านาเล จังหวัดนครศรีธรรมราช

2025-01-07T16:56:29+07:00

งานวิจัยเรื่อง การสร้างเสริมแหล่งเรียนรู้ชีวิตจริงและสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในพื้นที่เขาป่านาเล จังหวัดนครศรีธรรมราช มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างเสริมแหล่งเรียนรู้ชีวิตจริงนอกชั้นเรียนในพื้นที่เขาป่านาเล และ 2) สร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเกษตร อุตสาหกรรม และธุรกิจในพื้นที่เขาป่านาเล โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และธุรกิจ ในพื้นที่เขาป่านาเล ครูและผู้บริหารในโรงเรียนนบพิตำวิทยา (พื้นที่เขา) โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19 (พื้นที่ป่า) โรงเรียนวิเชียรประชาสรรค์ (พื้นที่นา) และโรงเรียนวัดกลาง (พื้นที่เล) โดยใช้แบบสัมภาษณ์เรื่อง บริบทของชุมชน งานและอาชีพของประชากรในพื้นที่เขาป่านาเล และกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ผลการวิจัย พบว่า แหล่งเรียนรู้นอกชั้นเรียน ประกอบไปด้วย ศูนย์การเรียนรู้ วิสาหกิจชุมชน อุตสาหกรรมครัวเรือน เหมาะแก่การพัฒนาทักษะสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับผู้เรียน โรงเรียนและแหล่งชุมชนสามารถร่วมมือกันสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ให้นักเรียนในพื้นที่เข้ามาศึกษาเรียนรู้ และได้ลงมือปฏิบัติจริง มุ่งสร้างให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีรูปแบบการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และให้ผู้เรียนได้รู้จักการเรียนรู้ด้วยตนเอง การสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมประกอบไปด้วย 6 องค์ประกอบ ได้แก่ โรงเรียนและผู้บริหาร ครู นักเรียน ชุมชนและแหล่งเรียนรู้นอกชั้นเรียน รูปแบบการเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ โดยโรงเรียน ผู้บริหาร และครู มีบทบาทในการสร้างนโยบาย ปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับการใช้ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยชุมชนมีบทบาทเป็นแหล่งเรียนรู้นอกชั้นเรียน มีความพร้อมทั้งทางด้านวัสดุ อุปกรณ์ และองค์ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะให้กับผู้เรียน

ปัจจัยการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21

2025-03-24T10:05:23+07:00

บทความนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 และ 2) เพื่อศึกษาผลการตรวจสอบปัจจัยการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) กลุ่มตัวอย่าง คือ โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 205 โรงเรียน ผู้ให้ข้อมูล โรงเรียนละ 4 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 1 คน รองผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 1 คน และ ครู จำนวน 2 คน รวมทั้งหมด จำนวน 820 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย 1) แบบสัมภาษณ์ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Interview) จำนวน 1 ฉบับ 2) แบบสอบถาม จำนวน 1 ฉบับ และ 3) แบบตรวจรายการ จำนวน 1 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าความถี่ (Frequencies) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) วิเคราะห์ปัจจัย (Exploratory Factor Analysis) โดยวิธีสกัดปัจจัย “PCA” (Principal Component Analysis) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัย พบว่า 1. ปัจจัยการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 พบว่า ประกอบด้วย 8 ปัจจัย คือ 1) ปัจจัยหลักสูตรและการวิเคราะห์หลักสูตร 2) ปัจจัยการวิเคราะห์ผู้เรียน 3) ปัจจัยการวิเคราะห์ผู้ปกครองชุมชน และสังคม 4) ปัจจัยการกำหนดการเรียนรู้ที่คาดหวัง 5) ปัจจัยการเลือกเนื้อหา 6) ปัจจัยการจัดการเรียนรู้ 7) ปัจจัยวิธีสอนและสื่อการสอน และ 8) ปัจจัยการติดตามผลและการประเมินผล 2. ผลการตรวจสอบปัจจัยการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21 มีความถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปได้และสามารถนำไปใช้ประโยชน์สอดคล้องกับกรอบแนวคิดทฤษฎีของการวิจัย

Integrating Word Cloud Technology with Active Learning Methods to Enhance Thai Undergraduate Students’ English Grammar Competence

2025-07-12T14:14:09+07:00

In the context of university-level education, the integration of active learning methodologies into grammar instruction has become increasingly indispensable for promoting learner engagement, autonomy, and higher-order thinking skills. In English as a Foreign Language (EFL) settings—particularly in Thailand—grammar remains a persistent pedagogical challenge. This quasi-experimental study investigated the effectiveness of incorporating word cloud technology within active learning frameworks to enhance grammatical competence among 38 second-year English major students at Bansomdejchaopraya Rajabhat University, selected through cluster random sampling.Research instruments included pre- and post-achievement tests, student learning logs, and semi-structured interviews. Quantitative data were analyzed using descriptive and inferential statistics, including a paired-samples t-test and relative development scores. Results indicated a statistically significant improvement in students’ grammatical competence (p < .05), with a large effect size. Qualitative data from interviews and learning logs were thematically coded and content-analyzed, yielding three emerging themes: (1) Grammatical Competence, reflecting students’ increased ability to understand parts of speech, sentence structures, subject-verb agreement, and vocabulary expansion through contextualized examples; (2) Learning and Teaching Activities, highlighting the motivational impact of group collaboration, Think-Pair-Share techniques, gamified exercises, and student-centered tasks; and (3) Technology in Enhancing English, emphasizing the role of word cloud tools in promoting engagement, independent learning, and instructional applicability, while also identifying challenges such as device limitations and unstable internet connectivity.Findings from semi-structured interviews further corroborated the quantitative results, revealing that learners perceived the integration of word clouds and active learning as not only effective in reinforcing grammar skills, but also transformative in shaping their future pedagogical beliefs as pre-service teachers. Participants reported greater confidence, deeper vocabulary retention, improved reading comprehension, and increased enthusiasm for collaborative learning. Despite some technological constraints, students overwhelmingly endorsed the approach as a dynamic, visually engaging, and pedagogically sound enhancement to traditional grammar instruction in higher education contexts.

Analysis of the Current Situation and Problems of Online Chinese Language Teaching in Thai Universities in the Post-Epidemic Era

2024-10-29T15:21:59+07:00

Online teaching has a profound impact on international Chinese language education. The research objectives of this paper are to examine the current status and problems of Thai teachers in teaching Chinese after the epidemic, to examine the current status and problems of Thai students in learning Chinese after the epidemic, and finally to propose appropriate suggestions for Chinese teachers and students in teaching and learning Chinese after the epidemic. In this paper, 32 Chinese language teachers and 94 students from three schools in Thailand were used as the research subjects. A questionnaire was used to conduct the survey, and the results of the survey are as follows: By examining the current situation and problems of Thai teachers' teaching in Chinese language teaching after the epidemic, it was found that Thai Chinese language teachers can master the online teaching platform, and online centralized assessment is the assessment method used by most Chinese language teachers for online teaching. Teachers' problems include interaction problems and technical problems such as sound lag on the online platform. The classroom management ability needs to be improved. By examining the current situation of Thai students' learning in Chinese language learning after the epidemic and the existing problems, we found that the main purpose of most of the Thai students' learning is to like Chinese culture, and the platforms used for learning are more diversified, with more forms of tutorial homework after class. However, there are some problems, such as short time of learning Chinese, weak Chinese foundation, and lack of concentration in class. According to the above research on the results of teachers should improve their own teaching ability, and participate in more online teaching and learning ability training. They should design more interactive learning games with students; design online assessment programs to improve the efficiency of online learning outcomes; formulate classroom management regulations and strict requirements for online classroom discipline. Students should increase their interaction with teachers when learning online. Students should improve their Chinese language level. Actively participate in online Chinese courses and avoid being late.

Good Management System of Rajabhat University Administrators According to the BCG Model Goals

2024-10-25T14:31:36+07:00

This article aims to presents the good management system of Rajabhat University administrators according to educational BCG model goals that facilitates implementation. The study proceeds the process of Ethnographic Delphi Futures Research (EDFR) by reviewing those concepts and putting processes including opinion and brainstorming from the various groups in higher educational expert, synthesizing ideas and analysis to reach consensus of the goodness management system as goal educational BCG model.

The Aesthetic and Spiritual Value of Jingxi Zhuang Brocade

2025-01-13T17:16:27+07:00

Jingxi Zhuang brocade is a significant ethnic handicraft of the Zhuang people, known for its rich cultural connotations and historical value. As one of the "Four Great Brocades" in China, it has played an important role in the daily lives and traditions of the Zhuang people, particularly among women. However, the impact of modernization and globalization has led to a decline in its cultural transmission, endangering its survival. This study adopts a combination of literature research and fieldwork to analyze the aesthetic and spiritual values of Jingxi Zhuang brocade from a female perspective. The research aims to explore the cultural characteristics, historical development, and the roles of women in the preservation and innovation of the brocade. The findings reveal that the aesthetics and spiritual significance of Jingxi Zhuang brocade are deeply intertwined with the lives of Zhuang women, who are central to its transmission and cultural value. Additionally, the study highlights the bidirectional relationship between the brocade's aesthetics and the development of Zhuang women, emphasizing its continued importance in contemporary society.