วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru <p>วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (Journal of Humanities and Social Sciences Bansomdejchaopraya Rajabhat University) ได้เริ่มจัดทำวารสารฉบับออนไลน์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2558 โดยเผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ (ราย 6 เดือน) ได้แก่ ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน) และฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม) วารสารผ่านการรับรองคุณภาพจากศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) โดยได้รับการรับรองคุณภาพจัดให้เป็นวารสารกลุ่มที่ 2 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567</p> <p>ISSN 2822-1516 (Print) ISSN 2985-0169 (Online)</p> th-TH Wapee.ko@bsru.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วาปี คงอินทร์) husocjournal@bsru.ac.th (นางสาวศิริขวัญ ปิ่นเพชรสวรรค์) Sat, 29 Jun 2024 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ภาวะผู้นำทางการบริหารการพัฒนา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/3848 <p>หนังสือ เรื่อง “ภาวะผู้นำทางการบริหารการพัฒนา” ได้มีการรวบรวมมีเนื้อหาทั้งหมด 11 บท ได้แก่ ภาวะผู้นำ ทฤษฎีภาวะผู้นำ ทฤษฎีคุณลักษณะของผู้นำ ทฤษฎีพฤติกรรมผู้นำ ทฤษฎีภาวะผู้นำตามสถานการณ์ ภาวะผู้นำแบบใหม่หรือสมัยใหม่ เทคนิคการจูงใจของผู้นำ สังเคราะห์ผลงานวิจัยและกรณีตัวอย่างเกี่ยวกับภาวะผู้นำ การสร้างมนุษย์สัมพันธ์สำหรับผู้นำ&nbsp;การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการพัฒนาความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของผู้นำ&nbsp;และการเสริมสร้างและพัฒนาภาวะผู้นำ</p> นิศาชล ฉัตรทอง Copyright (c) 2024 https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/3848 Sun, 30 Jun 2024 00:00:00 +0700 การไกล่เกลี่ยเชิงรับและรุกในคดีผู้บริโภคประเภทกู้ยืมเงินในประเทศไทย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2235 <p>บทความวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของดุษฎีนิพนธ์หัวข้อเรื่องการพัฒนากระบวนการไกล่เกลี่ยในคดีผู้บริโภคในไทย: ศึกษาคดีผู้บริโภคประเภทกู้ยืมเงิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาข้อความคิดเชิงนิติศาสตร์เกี่ยวกับปัญหาการระงับข้อพิพาททางเลือกโดยการไกล่เกลี่ยในคดีผู้บริโภคประเภทการกู้ยืมเงินสินเชื่อส่วนบุคคลไม่มีหลักประกัน (Unsecured Personal Loan) โดยทำการวิเคราะห์ปัญหากฎหมายและผลกระทบจากการปรับใช้กฎหมายและกฎเกณฑ์การไกล่เกลี่ยในคดีผู้บริโภคประเภทนี้ในประเทศไทย เปรียบเทียบกับกฎหมายของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศญี่ปุ่น โดยใช้รูปแบบการศึกษาเชิงคุณภาพผ่านการศึกษาจากเอกสาร ตลอดจนรวบรวมข้อเท็จจริงสถิติ ประสบการณ์และปัญหาจากการปฏิบัติงานของผู้เขียน เพื่อจัดทำแนวทางการพัฒนาระบบการไกล่เกลี่ยในคดีผู้บริโภคประเภทการกู้ยืมเงินแบบไม่มีหลักประกันของประเทศไทย จากการศึกษา พบว่า ปัญหากฎหมายกับการปรับใช้กฎหมายและกฎเกณฑ์การไกล่เกลี่ยคดีประเภทนี้ และระบบการบริหารจัดการการไกล่เกลี่ยส่งผลกระทบต่อการลดปริมาณคดี เนื่องจากคดีประเภทมีลักษณะที่แตกต่างจากคดีผู้บริโภคทั่วไปที่ลูกหนี้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายผิดสัญญา ประกอบกับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 20 ตรี บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 10 (1) (1/11) และมาตรา 20 (1) และบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทพ.ศ. 2562 มาตรา 69 (1) รองรับการบริหารจัดการการไกล่เกลี่ยในลักษณะเชิงรับอย่างเป็นทางการ (Passive And Formal Approach) ที่คู่กรณีผู้ประสงค์จะไกล่เกลี่ยจะต้องยื่นคำร้องเพื่อการไกล่เกลี่ย ทำให้ลูกหนี้ผู้บริโภคที่ผิดสัญญาและหลบเลี่ยงการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ย่อมจะไม่ยื่นคำร้องแสดงความประสงค์เพื่อเริ่มการไกล่เกลี่ยหนี้กู้ยืมเงินตามที่เป็นอยู่ ส่งผลให้กลไกการไกล่เกลี่ยไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ นอกจากนี้ กฎเกณฑ์และกฎระเบียบเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้ไกล่เกลี่ยตามที่ใช้อยู่และบทบัญญัติว่าด้วยคุณสมบัติคนกลางผู้ประนอมยอมความและคุณสมบัติคนกลางผู้ไกล่เกลี่ยตามหน่วยงานต่าง ๆ กำหนดให้คนกลางมีเพียงประสบการณ์การทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั่วไป ทำให้ผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยในคดีประเภทนี้ขาดความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของหนี้ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการข้อพิพาทและการประเมินค่าเสียหายอย่าง มีประสิทธิภาพในคดีประเภทนี้บทความนี้จึงเสนอให้มี 1) การปรับเปลี่ยนและการพัฒนากฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการไกล่เกลี่ยจากเดิมที่มีลักษณะเป็นการไกล่เกลี่ยเชิงรับเป็นการไกล่เกลี่ยเชิงรุก (Pre-active/Proactive Approach) โดยยอมรับและเผยแพร่รณรงค์แนวคิดสิทธิมนุษยชน หลักการช่วยเหลือผ่อนปรน (Subsidiary/Debt Forgiveness) ผสมผสานกับแนวคิดการไกล่เกลี่ยเฉลี่ยประโยชน์ (win-win) และแนวคิดพุทธปรัชญา พร้อมทั้งสร้างวิธีคิดวัตถุประสงค์ และแนวคิดการไกล่เกลี่ยใหม่ คือ “การไกล่เกลี่ยเพื่อประชาชน” เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาและลดหนี้สินเพื่อให้ลูกหนี้ผู้บริโภคหลุดพ้นจากหนี้ตามแผนการชำระหนี้โดยเร็ว เพื่อให้พ้นกับดักความยากจนตามหลักการการไกล่เกลี่ยด้วยแนวคิดดังกล่าวรวมทั้งการไกล่เกลี่ยยุติธรรมในตัวเองโดยลดละเลิกความต้องการบางส่วนลงด้วยตนเอง ตามระบบรากฐานโครงสร้างเดิมที่เป็นอยู่ตามวิถีพุทธ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป และ 2) เสนอปรับแก้คุณสมบัติของผู้ไกล่เกลี่ยหรือผู้ประนอมข้อพิพาทตามกฎหมายโดยเพิ่มคุณสมบัติเกี่ยวกับความชำนาญเฉพาะด้านไว้อีกประการหนึ่ง</p> ไพเนตร ธนาบริบูรณ์ Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2235 Sat, 29 Jun 2024 00:00:00 +0700 การผสานปัญญาประดิษฐ์และกฎเกณฑ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2479 <p>การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารในเขตการท่องเที่ยวคลัสเตอร์ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลและพลวัตของห่วงโซ่อุปทานที่มีความซับซ้อน โดยผู้ประกอบการและชุมชนในท้องถิ่นพบความท้าทายเมื่อพยายามใช้ประโยชน์จากการพัฒนาทางดิจิทัลที่ทันสมัย พบข้อจำกัดความรู้ด้านกฎระเบียบและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องซึ่งสิ่งเหล่านี้ขัดขวางความสามารถในการรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการปรับใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และกฎเกณฑ์ทางธุรกิจเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพแก่ผู้ประกอบการและชุมชนในท้องถิ่นในห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลในภาคธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร การวิจัยใช้วิธีการวิจัยแบบผสมผสานโดยเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ และใช้การสำรวจและการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ประกอบการในท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ตั้งอยู่เขตการท่องเที่ยวคลัสเตอร์ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดตราด ผลการวิจัย พบว่า มีแนวโน้มเชิงบวกของการปรับใช้ปัญญาประดิษฐ์ต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ การตอบสนองและการปรับตัวในห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลในการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร กล่าวคือ พบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ การประเมินความต้องการของกลุ่มลูกค้า การตอบลูกค้าด้วยปัญญาประดิษฐ์ การวิเคราะห์คุณค่าอาหาร การจัดทำภาพ จำแนกรูปภาพและรายการอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยยังพบช่องว่างทางกฎหมายและกฎระเบียบที่เข้มงวดซึ่งเป็นดาบสองคม เป็นข้อจำกัดและอุปสรรคในการปฏิบัติตามกรอบจริยธรรมและมาตรฐานที่ส่งผลต่อการยับยั้งนวัตกรรม ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาที่จำเป็นเพื่อจัดสมดุลทางนิเวศระหว่างกรอบกฎเกณฑ์การกำกับดูแลที่ส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยได้เสนอการจัดฝึกอบรม “การปรับใช้ปัญญาประดิษฐ์และกฎระเบียบทางธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร” แก่ผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น และเสนอแนะแนวทางการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในท้องถิ่นให้สามารถใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มมูลค่าและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชุมชน งานวิจัยได้จัดทำข้อเสนอแนะโดยเสนอการวิจัยทางกฎหมายในอนาคต รูปแบบ BCG และการวิจัยเชิงนโยบายเพื่อมุ่งให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบครอบคลุม ยั่งยืน และแบบบูรณาการทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหารต่อไป</p> ธีทัต ชวิศจินดา Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2479 Sun, 30 Jun 2024 00:00:00 +0700 การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่หลากหลายเพื่อพัฒนาทักษะภาษาจีนรายวิชานิทานสุภาษิตจีน โรงเรียนกวงหมิงหัวเฉียว อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2592 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้วิชานิทานสุภาษิตจีนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่หลากหลายของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกวงหมิงหัวเฉียว ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนวิชานิทานสุภาษิตจีน โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่หลากหลายและเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนวิชานิทานสุภาษิตจีนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่หลากหลาย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ นักเรียนห้อง 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกวงหมิงหัวเฉียว อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 20 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้วิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้วิชานิทานสุภาษิตจีน รูปแบบการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่หลากหลาย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การหาประสิทธิภาพ E1/E2 ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบค่าที (t-test) ผลการวิจัย พบว่า ประสิทธิภาพของแผนการเรียน มีค่าเท่ากับ 84.38/86.92 คือ มีประสิทธิภาพของกระบวนการเท่ากับ 84.38 และมีประสิทธิภาพของผลลัพธ์เท่ากับ 86.92 เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 80/80 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้วิชานิทานสุภาษิตจีนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบสร้างสถานการณ์ที่หลากหลายของนักเรียน สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ความพึงพอใจต่อรูปแบบการเรียนการสอนด้วยสถานการณ์ที่หลากหลาย อยู่ในระดับมากที่สุดค่าเฉลี่ย (x̄ = 4.65) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D. = 0.25)</p> He Wei, สหัทยา สิทธิวิเศษ, ดนุพงศ์ ชีวินวิไลพร Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2592 Tue, 02 Jul 2024 00:00:00 +0700 ข้อผิดพลาดในการใช้คำคุณศัพท์ภาษาจีนประเภท “อารมณ์ความรู้สึก” ของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โปรแกรมวิชาภาษาจีน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/3615 <p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะข้อผิดพลาด และวิเคราะห์สาเหตุความผิดพลาดของการใช้คำคุณศัพท์ภาษาจีนประเภท “อารมณ์ความรู้สึก” กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 โปรแกรมวิชาภาษาจีน มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จำนวนทั้งสิ้น 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย คือ แบบสอบถามการใช้คำคุณศัพท์ประเภท “อารมณ์ความรู้สึก” จำนวน 50 ข้อ และคลังข้อมูลบทความภาษาจีนของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 จำนวน 150,000 ตัวอักษรจีน ซึ่งผลการวิจัย พบว่า ลักษณะข้อผิดพลาดของการใช้คำคุณศัพท์ภาษาจีนประเภท “อารมณ์ความรู้สึก” มีจำนวนการใช้ผิดทั้งหมด 423 ครั้ง และสามารถแบ่งออกเป็น 6 ชนิดความหมาย คือ 1) คำที่แสดงถึงความหมายด้านความสุข 2) คำที่แสดงถึงความหมายด้านอารมณ์โกรธ 3) คำที่แสดงถึงความหมายด้านอารมณ์โศกเศร้า 4) คำที่แสดงถึงความหมายด้านความกลัว และ 5) คำที่แสดงถึงความหมายด้านความเงียบ 6) คำที่แสดงถึงความหมายด้านความตื่นเต้น ซึ่งชนิดความหมายที่ผู้เรียนมีการใช้ผิดมากที่สุด คือ คำที่แสดงถึงความหมายด้านความสุข จำนวนการใช้ผิดทั้งหมด คือ 207 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 48.93 และชนิดความหมายที่ผู้เรียนมีการใช้ผิดน้อยที่สุด คือ คำที่แสดงถึงความหมายด้านความโกรธ จำนวนการใช้ผิดมีเพียง 9 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2.2 ทั้งนี้ลักษณะข้อผิดพลาดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) การใช้คำศัพท์ผิดพลาดที่อยู่ในชนิดความหมายประเภทเดียวกัน 2) การใช้คำศัพท์ผิดพลาดที่มีชนิดความหมายต่างประเภทกัน และสาเหตุการเกิดข้อผิดพลาด ประกอบด้วย 5 สาเหตุหลัก ได้แก่ 1. อิทธิพลจากภาษาจีน แบ่งได้เป็น 3 ปัจจัย คือ 1) ผลกระทบจากคำศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงกันในภาษาจีน 2) ผลกระทบ จากคำศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงกันและโครงสร้างทางไวยากรณ์ที่ต่างกันในภาษาจีน 3) ผลกระทบจากคำศัพท์ที่มีความหมายใกล้เคียงกันแต่การใช้คำประกอบร่วมในภาษาจีนต่างกัน 2. อิทธิพลของภาษาแม่ แบ่งได้เป็น 2 ปัจจัย 1) ผลกระทบจากการแปลความหมายของคำในภาษาไทย และ 2) ผลกระทบจากขอบเขตความหมายของคำในภาษาไทย</p> Yang Daojin, วรรณวิรัตน์ ตุงคะเวทย์, หยิชิง แซ่จ้าว, ดนุพงศ์ ชีวินวิไลพร Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/3615 Tue, 02 Jul 2024 00:00:00 +0700 การศึกษาวิจัยรูปแบบและลวดลายของเตาเผาฉือโจวจากมุมมองทางด้านสุนทรียศาสตร์ลัทธิเต๋า https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2283 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างเตาเผาฉือโจวกับสุนทรียศาสตร์ในลัทธิเต๋า โดยเอกสารที่ใช้ประกอบการศึกษาวิจัยอ้างอิงมาจากผลิตภัณฑ์เซรามิก ที่เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของเตาเผาฉือโจวในสมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ.960-1270) และราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271 - 1368) และจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ“คัมภีร์เต้าเต๋อจิง” ทั้ง 81 บท การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยโดยวิธีผสมผสานจากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องการใช้แบบสอบถามและการสำรวจแหล่งซากเตาเผาประกอบกับการศึกษาพิพิธภัณฑ์เตาเผาฉือโจว เพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการศึกษาวิจัยและนำมาวิเคราะห์รูปแบบ ลวดลาย ความหมาย และแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นบริบทความงามของผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมจากเตาเผาฉือโจว ผลการศึกษา พบว่า ภาชนะที่ทำด้วยเซรามิกมีรูปแบบ ลวดลายเกี่ยวข้องกับเตาเผาฉือโจวสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับแนวคิดสุนทรียศาสตร์ในลัทธิเต๋าเรื่อง “ความเรียบง่ายผ่านพื้นสีขาว ที่ปรากฏลายสีดำ” จากการวิจัยนี้พบว่าแนวคิดที่เชื่อมโยงระหว่างเตาเผาฉือโจวกับแนวคิดสุนทรียศาสตร์ในลัทธิเต๋าโดยตรง ผลการวิจัยด้านคุณค่าศิลปะของเตาเผาฉือโจวอีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ต่อยอดจากขนบดั้งเดิม เสริมสร้างฐานความรู้เพื่อการพัฒนาและประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้จากการวิจัยเตาเผาฉือโจวสืบต่อไป</p> Wang Yudong, เสกสรรค์ ตันยาภิรมย์, ชูศักดิ์ สุวิมลเสถียร Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2283 Tue, 30 Jul 2024 00:00:00 +0700 คุณค่าทางจิตวิญญาณของลวดลายหงส์ในวัฒนธรรมฉู่เมืองอู่ฮั่นเพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสร้างสรรค์ https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2166 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิวัฒนาการของลวดลายหงส์ในเครื่องเขินวัฒนธรรมฉู่ผ่านการวิเคราะห์ต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์และรูปแบบศิลปะของวัฒนธรรมฉู่ เพื่อศึกษาความหมายแฝงทางจิตวิญญาณและองค์ประกอบเฉพาะของลวดลายหงส์ที่แฝงอยู่ในวัฒนธรรมฉู่และเพื่อถอดคุณค่าทางศิลปะของลวดลายหงส์ตลอดจนองค์ประกอบทางวัฒนธรรมและความหมายแฝงทางจิตวิญญาณมาใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสร้างสรรค์โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงเอกสาร การวิจัยภาคสนาม การวิจัยเชิงสร้างสรรค์จากการวิเคราะห์ลวดลายหงส์ที่ปรากฏในศิลปะเครื่องเขินของวัฒนธรรมฉู่สามารถสรุปรูปทรงของลวดลายหงส์ในศิลปะเครื่องเขินฉู่ได้เป็นรูปทรงเดี่ยวสมบูรณ์และรูปทรงนามธรรม 3 แบบได้แก่ รูปตัว “S” รูปตัว “C” และรูป “ลูกศร” จากการศึกษาสามารถสรุปคุณค่าทางจิตวิญาณของลวดลายหงส์ในวัฒนธรรมฉู่ได้ 3 ประเด็นคือ 1) การสะท้อนถึงชีวิตและดวงอาทิตย์ 2) การสะท้อนถึงการเปิดรับและนิมิตมงคล และ 3) การสะท้อนถึงความจริง ความดี ความงาม ในด้านการออกแบบ ได้นำหลักการจัดองค์ประกอบภาพมาใช้ในการออกแบบลวดลายที่สะท้อนคุณค่าทางจิตวิญญาณของลวดลายหงส์ และนำไปประยุกต์ใช้กับการออกแบบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสร้างสรรค์ประเภทของใช้ในบ้านจำนวน 3 ชิ้นได้แก่ โคมไฟตั้งโต๊ะ เชิงเทียน เชิงกำยาน และแจกัน โดยถือเอาวัฒนธรรมเป็นรากฐานของการออกแบบ อัตลักษณ์ทางศิลปะของลวดลายหงส์ในวัฒนธรรมฉู่ถ่ายทอดผ่านรูปทรงและลวดลายของผลิตภัณฑ์ สื่อถึงคุณค่าทางจิตวิญญาณอันเป็นตัวแทนของลวดลายหงส์ได้แก่ ไฟ ดวงอาทิตย์ ชีวิต ความมงคล ความมั่งคั่ง ความสามัคคีและความดีงาม การประยุกต์ลวดลายหงส์ในผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านถือเป็นการสืบทอดและส่งเสริมวัฒนธรรมฉู่ ทำให้คุณค่าทางจิตวิญญาณของลวดลายหงส์ที่อุปมาถึงคุณค่าอันดีงามส่งต่อไปยังผู้คนในยุคสมัยใหม่ผ่านผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมสร้างสรรค์ ตลอดจนสามารถสะท้อนคุณค่าและความสำคัญของยุคแห่งลวดลายหงส์ในวัฒนธรรมฉู่ได้ดียิ่งขึ้น</p> Wang Dan, ภรดี พันธุภากร, ชูศักดิ์ สุวิมลเสถียร Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2166 Tue, 30 Jul 2024 00:00:00 +0700 คุณลักษณะของผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏที่สอดคล้องกับตัวแบบ บีซีจี ด้านการศึกษา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2539 <p>ยุทธศาสตร์การบริหารสถานศึกษาตามตัวแบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว ด้านการศึกษา เป็นข้อกำหนดด้านนโยบายภาครัฐที่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศต้องนำไปปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยของไทยต่างมีข้อจำกัดในการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์และตัวแบบดังกล่าว โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในกลุ่มราชภัฏ จะข้อจำกัดหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการวางแนวทางการบริหารงาน ทรัพยากร บุคลากร และเทคโนโลยีในอันที่จะก่อให้เกิดนวัตกรรมที่เกิดจากการพัฒนาร่วมกับชุมชนและท้องถิ่นตามข้อกำหนดจากนโยบายซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนา ทั้งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการพัฒนาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ภาครัฐ บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอถึงคุณลักษณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งต้องมีทั้งลักษณะและองค์ประกอบของผู้นำหรือผู้บริหารที่สามารถนำพาการบริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏสู่เป้าหมายความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ของภาครัฐ</p> วรุณรัตน์ คนซื่อ, สงวน อินทร์รักษ์ Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2539 Mon, 15 Jul 2024 00:00:00 +0700 น้ำพริก: มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมในสังคมไทย-จีน https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2206 <p>บทความวิจัยนี้ ศึกษาวิเคราะห์จากบทอ่านในหนังสืออ่านเพิ่มเติมเรื่องน้ำพริกที่ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม สำหรับนักศึกษาชาวจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภูมิปัญญาวัฒนธรรม เรื่องน้ำพริกใน หนังสืออ่านเพิ่มเติมเรื่องน้ำพริกที่ขึ้นทะเบียนมรดกภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรมในบริบทสังคมไทยกับสังคมจีน ผลการศึกษาพบว่า น้ำพริกมีเครื่องปรุงที่มีคุณค่าทางโภชนาการมีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภคในทางการแพทย์ และภูมิปัญญาไทย ใช้เครื่องปรุงน้ำพริกเป็นสมุนไพรมีสรรพคุณบรรเทาและบำบัดอาการเจ็บป่วยได้ และน้ำพริกเผาของชาวจีน ก็มีคุณค่าทางโภชการและมีสรรพคุณในการรักษาโรคบางโรคได้ และยังสะท้อนภูมิปัญญาด้านความเชื่อว่าน้ำพริกมีความหมายด้านความเจริญรุ่งเรือง ความรักที่ยิ่งยืนนาน และยังช่วยป้องกันผีร้ายได้ด้วย</p> เหวินเหว่ย ซู, ภาณุพงศ์ อุดมศิลป์ Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2206 Tue, 16 Jul 2024 00:00:00 +0700 ผลสัมฤทธิ์ของการจัดการเรียนรู้การสอนแบบบูรณาการโดยใช้ Active Learning ในรายวิชาลีลาภาษาไทยในวรรณกรรมไทย ของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2587 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ของการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning และ 3) เพื่อประเมินคุณภาพในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning ของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 รายวิชาลีลาภาษาในวรรณกรรมไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาไทย โปรแกรมวิชาภาษาและวัฒนธรรมไทย คณะมนุษยศาสตร์ จำนวน 17 คน โดยเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาลีลาภาษาในวรรณกรรมไทย 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนและหลังเรียน และ 3) แบบประเมินคุณภาพของการจัดการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสถิติ t-test ผลการศึกษา พบว่า 1. ผลคะแนนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 82.35 และมีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนโดยหาจากคะแนนหลังจากการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning คิดเป็นร้อยละ 83.38 2. ผลค่าเฉลี่ยคะแนนของผลสัมฤทธิ์ของการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning ก่อนเรียน มีค่าเท่ากับ 8.88 และหลังเรียน มีค่าเท่ากับ 16.53 ตามลำดับ และพบว่าคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. ผลการประเมินคุณภาพของการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ โดยใช้ Active Learning ภาพรวมอยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.44)</p> สุกัญญา ขลิบเงิน Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2587 Wed, 17 Jul 2024 00:00:00 +0700 สุนทรียภาพและสัญญะในงานศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัย เพื่อสร้างสรรค์ศิลปะ “ชุดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2170 <p>ดุษฎีนิพนธ์ฉบับนี้ทำการวิจัยเกี่ยวกับ “สุนทรียภาพและสัญญะในงานศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัย เพื่อสร้างสรรค์ศิลปะ “ชุดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” และศึกษาพัฒนาการของศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัยภายใต้หัวข้อ “ชุดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” โดยมีวัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อวิเคราะห์ผลงานของศิลปินเครื่องเคลือบร่วมสมัย 6 คนที่มี“จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” โดยใช้ทฤษฎีสัญศาสตร์และทฤษฎีสุนทรียศาสตร์ และขุดค้นเทคนิคการสร้างสรรค์และคุณลักษณะของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ 2. เพื่อวิจัยวิธีการอนุมานและการแสดงออกถึงความหมายแฝงและความสำคัญเชิงสัญลักษณ์ของ “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” ในสังคมร่วมสมัยผ่านผลงานศิลปะเครื่องเคลือบ 3. เพื่อสร้างสรรค์ผลงานเครื่องเคลือบสมัยใหม่ในหัวข้อ “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” ตลอดจนแรงบันดาลใจในด้านผลกระทบทางสังคมและการใช้ชีวิตส่วนตัววิธีการวิจัย ได้แก่ วิธีการวิจัยวรรณกรรม วิธีการสำรวจภาคสนาม และวิธีการวิจัยเชิงสร้างสรรค์ จากผลการวิจัยพบว่าลักษณะเชิงสร้างสรรค์ของผลงานเครื่องเคลือบร่วมสมัยที่เป็นตัวแทนของศิลปินมีดังนี้: การออกแบบด้านรูปทรงของ“จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” การออกแบบด้านวัสดุของ “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” การออกแบบด้านการตกแต่งของ “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” และความเป็นสากลของการสร้างสรรค์เครื่องเคลือบ ซึ่งล้วนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัย สุดท้ายจึงสร้างสรรค์ชุดผลงานเครื่องเคลือบ “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” สมัยใหม่ที่สอดคล้องกับลักษณะของศิลปะเครื่องเคลือบสมัยใหม่ภายใต้หัวข้อ “จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้” ผ่านการสร้างสรรค์งานฝีมือเครื่องเคลือบ โดยผลงานเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของมนุษย์และทัศนคติเชิงบวกของชีวิต ซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาผลงานศิลปะเครื่องเคลือบร่วมสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> Huang Haihong, ศุภฤกษ์ คณิตวรานันท์ Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2170 Wed, 31 Jul 2024 00:00:00 +0700 The Characteristics and Spirit of Jinan Spring Culture: Historical Narration through Cultural and Creative Products https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2602 <p>This study explores the characteristics and spirit of Jinan’s spring water culture through the narrative of cultural and creative products with historical significance. The research objectives aimed to investigate the historical background of Jinan’s spring water culture, along with related historical and mythological stories, and to analyze the spiritual connotation, natural features, and artistic characteristics, including aesthetic tendencies of the spring water culture. Furthermore, the study aimed to establish a series of creative products related to daily life within the spring water culture to enhance its visibility. Since Jinan’s spring water culture has been represented as a prominent natural, cultural heritage within Chinese culture, possessing both natural objective attributes and unique humanistic features. These cultural and creative products would serve as vital mediums for disseminating regional cultural characteristics, meeting the cultural demands of the public and promoting the visibility of spring water culture. This research employed a literature review, field study, and creative research in research methodology to achieve the objectives of the study.</p> Baochen Zhu, Pongdej Chaiyakut, Poradee Panthupakorn Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2602 Fri, 19 Jul 2024 00:00:00 +0700 The Value and Significance of Tianjin Yangliuqing Woodblock New Year Paintings for Designing Cultural and Creative Products https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2593 <p>Tianjin Yangliuqing woodblock New Year paintings are one of the representative arts of Chinese culture, Tianjin Yangliuqing woodblock New Year paintings have a rich historical background and cultural connotations. However, modernization and changes in consumer habits have posed a crisis for the survival and development of woodblock New Year paintings. This study has employed the woodblock paintings as the research object to study their development in the cultural and creative industries. This paper combined Yang Liuqing woodblock New Year paintings with modern cultural and creative industries, which contribute to the integration of culture and economy through innovative design and material application. This study adopted a qualitative research method, including in-depth interviews with experts, scholars, and personnel engaged in the development and sales of cultural and creative products who study Yangliuqing woodblock New Year paintings. This study employed a literature review and in-depth interviews, and then the study results were presented in descriptive methods and descriptions of cultural and creative product design.</p> Jianjian Xu, Pongdej Chaiyakut, Poradee Panthupakorn Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/2593 Wed, 24 Jul 2024 00:00:00 +0700 ปัญหาการให้ความคุ้มครองชื่อภาพยนตร์และหนังสือภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/3078 <p>ชื่อภาพยนตร์และหนังสือ เป็นประเด็นสำคัญที่มีการกล่าวถึงในเวทีการประชุมระหว่างประเทศ ของคณะกรรมาธิการว่าด้วยเครื่องหมายการค้า การออกแบบอุตสาหกรรม และสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ถึงการให้ความคุ้มครองในสิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่า ความคุ้มครองในสิทธิของทรัพย์สินทางปัญญาของชื่อภาพยนตร์และหนังสือจะได้รับความคุ้มครองภายใต้กฎหมายลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้า จากการศึกษาทฤษฎี หลักการกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายต่างประเทศ และกฎหมายไทย ทั้งในส่วนของกฎหมายลิขสิทธิ์และเครื่องเหมายการค้า เมื่อวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบ พบว่า ในส่วนของทฤษฎี หลักการ และกฎหมายลิขสิทธิ์นั้น ไม่สามารถให้การคุ้มครองชื่อภาพยนตร์และหนังสืออย่างงานวรรณกรรมตามกฎหมายลิขสิทธิ์ได้ แต่เมื่อวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบในส่วนของทฤษฎี หลักการ และกฎหมายเครื่องหมายการค้า พบว่ามีความเหมาะสมและกฎหมายเปิดช่องให้ใช้บทบัญญัติของกฎหมายเครื่องหมายการค้าในการคุ้มครองชื่อภาพยนตร์และหนังสือได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงบทบัญญัติมาตรา 4 ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ 2534 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 พบว่า ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของคำนิยามคำว่า เครื่องหมาย เพื่อการขยายขอบเขตของการให้ความคุ้มครองเครื่องหมายการค้ารูปแบบใหม่ ให้ครอบคลุมถึงเครื่องหมายการค้าชื่อภาพยนตร์และหนังสือ</p> จตุพล เจริญรื่น Copyright (c) 2024 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jhusocbru/article/view/3078 Thu, 25 Jul 2024 00:00:00 +0700