https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/issue/feed วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา 2025-06-30T00:00:00+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญรัตน์ วิเชียร JMS.NRRU@nrru.ac.th Open Journal Systems <p>วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (Journal of Management Science Nakhon Ratchasima Rajabhat University : JMS NRRU) เป็นวารสารของคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าและเผยแพร่ผลงานวิชาการในสาขาต่าง ๆ ของคณาจารย์ และนักศึกษาบัณฑิตศึกษา โดยได้มีการจัดทำในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Online) โดยเน้นสาขา ดังนี้</p> <ol> <li>สาขาบริหารธุรกิจ การจัดการ และบัญชี</li> <li>สาขาการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม</li> <li>สาขาการท่องเที่ยว นันทนาการ และการจัดการโรงแรม</li> <li>สาขาเศรษฐศาสตร์ เศรษฐมิติ และการเงิน</li> <li>สาขาการสื่อสาร</li> </ol> <p> </p> <p><strong> </strong>วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มีกำหนดการเผยแพร่<br />ปีละ 2 ฉบับ ดังนี้</p> <p><strong> </strong>ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม-มิถุนายน</p> <p> ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม</p> <p>ISSN : 2821-9538 (Print)</p> <p>ISSN : 2821-9546 (Online)</p> <p> </p> https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/5188 การบูรณาการศาสตร์เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา อย่างยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2025-05-30T14:27:22+07:00 ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง yut@mail.com เอกรัตน์ เอกศาสตร์ ekarat.ekasart@gmail.com <p>การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแรงจูงใจ ศักยภาพ และแนวทางการจัดการท่องเที่ยว<br />โดยชุมชนในพื้นที่ตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โดยมีกลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักท่องเที่ยว จำนวน 400 คน ผู้นำชุมชน จำนวน 36 คน และภาคีที่เกี่ยวข้อง จำนวน 25 คน ด้านการเก็บรวบรวมข้อมูลมีทั้งข้อมูลปฐมภูมิจากแบบสอบถาม แบบประเมิน และแบบสัมภาษณ์ และข้อมูลทุติยภูมิ ในส่วนของ<br />การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์ด้วยสถิติ เช่น ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ<br />การวิเคราะห์เนื้อหาผลการศึกษาพบว่า นักท่องเที่ยวมีแรงจูงใจต่อการท่องเที่ยวโดยชุมชนในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด พื้นที่มีศักยภาพในการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และแนวทาง<br />การจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนมีจำนวน 3 แนวทาง คือ 1) แนวทางตามหลักการบริหารจัดการทางธุรกิจ <br />2) แนวทางตามหลักการพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชน และ 3) แนวทางตามปัจจัยความสำเร็จในการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งทั้งสามแนวทางอยู่ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/5165 ศักยภาพการสื่อความหมายตามเส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีโลกโคราช: เส้นทางทวารวดีศรีจนาศะ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 2025-05-29T13:55:32+07:00 สุภาพร ล้ำวรรณวงศ์ nangnoi425@gmail.com กมลทรรศน์ นวลอนันต์ kmt@mail.com ขวัญอิสรา ภูมิศิริไพบูลย์ kwisr@mail.com ธนวัฒน์ โกวิทวณิชภัณฑ์ tnw@mail.com ธนาวัฒน์ ปัทมฤทธิกุล tnwt@mail.com <p>การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและประเมินศักยภาพของการสื่อความหมายโดยไม่ใช้บุคคลตามเส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีโลกโคราช: เส้นทางทวารวดีศรีจนาศะ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสังเกต แบบสนทนากลุ่ม และแบบประเมินศักยภาพ<br />การสื่อความหมาย จากกลุ่มตัวอย่างตัวแทนชุมชนท่องเที่ยวจีโอพาร์ค วัด โรงเรียน นักวิชาการ และหน่วยงาน<br />ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 45 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา และประเมินศักยภาพด้วยค่าเฉลี่ย แบ่งเป็น 5 ระดับ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า การสื่อความหมายโดยไม่ใช้บุคคล ที่มีอยู่ในปัจจุบัน หลายแห่งสภาพทรุดโทรม <br />และไม่เพียงพอ ไม่มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ผู้นำชมยังไม่เพียงพอ ผลการประเมินศักยภาพของการสื่อความหมาย</p> <p>โดยไม่ใช้บุคคล พบว่า แหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากที่สุด คือ แหล่งหินตัดสูงเนิน (บ้านส้มกบงาม) อยู่ในระดับ<br />ดีเยี่ยม รองลงมา คือ อนุสรณ์สถานสถานีรถไฟสูงเนิน และ พระนอนหินทรายทวารวดี อยู่ในระดับระดับดีมาก ตามลำดับ แนวทางในการพัฒนาศักยภาพ พบว่า ชุมชนต้องการให้พัฒนาการสื่อความหมายที่เข้าใจง่าย <br />และใช้ฝึกอบรมมัคคุเทศก์น้อยได้ในอนาคต จัดทำป้ายบอกทางเพิ่มบริเวณทางแยกก่อนถึงแหล่งท่องเที่ยว <br />สร้างระบบที่นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อผู้นำชุมชนเพื่อนำชมในแหล่งท่องเที่ยว และจัดกิจกรรมอบรมโดยเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีความรู้มากระตุ้นการรับรู้ให้คนในชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญ</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/5149 การตลาดเชิงประสบการณ์ที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเที่ยวซ้ำของ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดนครราชสีมา, ประเทศไทย 2025-05-23T13:32:21+07:00 ยศวดี ธงกลาง yodsawadee.th@rmuti.ac.th นิลุบล วิโรจน์ฐิติยวงศ์ nbb@mail.com <p>การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการตลาดเชิงประสบการณ์ที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเที่ยวซ้ำของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดนครราชสีมา โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางมา<br />แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 385 คน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูล<br />โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐาน<br />ด้วยการวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า การตลาดเชิงประสบการณ์ที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเที่ยวซ้ำของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านการเชื่อมโยง <br />(β = 0.226) ด้านการกระทำ (β = 0.199) ด้านความรู้สึก (β = 0.178) ด้านความคิด (β = 0.173) และ<br />ด้านประสาทสัมผัส (β = 0.151) ส่งผลทางบวกต่อความตั้งใจกลับมาเที่ยวซ้ำของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร<br />ในจังหวัดนครราชสีมา ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และการตลาดเชิงประสบการณ์<br />สามารถร่วมกันพยากรณ์กับความตั้งใจกลับมาเที่ยวซ้ำของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดนครราชสีมา<br />โดยประสิทธิภาพในการพยากรณ์ได้ร้อยละ 54.50</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/5168 แนวทางการส่งเสริมอัตลักษณ์อาหารท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอาหาร อย่างสร้างสรรค์ กรณีศึกษา ตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา 2025-05-22T14:44:27+07:00 กติกา กลิ่นจันทร์แดง katika.k@nrru.ac.th อานรรต ใจสำราญ anut@mail.com ณภัทร สำราญราษฎร์ nap@mail.com <p>การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอัตลักษณ์อาหารท้องถิ่น<br />เพื่อการท่องเที่ยวเชิงอาหารอย่างสร้างสรรค์ และเพื่อเสนอแนวทางการส่งเสริมอัตลักษณ์อาหารท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอาหารอย่างสร้างสรรค์ โดยเป็นกรณีศึกษา ตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เครื่องมือวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured interview) และเก็บรวบรวมข้อมูลจาก<br />ผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 20 คน ได้แก่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในหน่วยงานภาครัฐ จำนวน 5 คน และกลุ่มคนท้องถิ่น ตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 15 คน</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า อาหารท้องถิ่นของตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ น้ำตับ อันสะท้อนให้เห็นรูปแบบการดำรงชีวิตและวัฒนธรรมอาหารของคนท้องถิ่น ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ <br />1) มิติด้านสัญลักษณ์ของพื้นที่ (Symbolic Dimension), 2) มิติด้านโครงสร้าง (Structural Dimension), 3) มิติด้านสังคม (Social dimension) และ 4) มิติด้านพื้นที่ (Spatial Dimension) แนวทางการส่งเสริมอัตลักษณ์<br />อาหารท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอาหารอย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วย 1) การจัดตั้งกลุ่มผู้ประกอบการ <br />เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต 2) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์และความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด 3) ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และ 4) การจัดอบรมเพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์อาหารท้องถิ่น</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/5046 ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อปลาน้ำจืดแดดเดียวในเขตจังหวัดนครราชสีมา 2025-05-08T10:20:45+07:00 กานดา สีหเนตร kanda.s@nrru.ac.th สุจิตรา จำปาศรี suj@mail.com กนก บุญศักดิ์ knok@mail.com จารุวรรณ พนมจีระสวัสดิ์ jur@mail.com <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาถึงปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มี<br />ผลต่อการตัดสินใจซื้อปลาน้ำจืดแดดเดียวในเขตจังหวัดนครราชสีมา และ 2) หาแนวทางในการดำเนินงาน<br />ด้านส่วนประสมการตลาดที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าปลาน้ำจืดแดดเดียวในเขตจังหวัดนครราชสีมา การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์<br />การถดถอยแบบพหุคูณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดในเขตจังหวัดนครราชสีมาที่เคยซื้อ<br />ปลาน้ำจืดแดดเดียว จำนวน 200 ตัวอย่าง และใช้การสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ ผลการวิจัยพบว่า 1) ปัจจัยส่วนบุคคลได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา และอาชีพ ไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อปลาน้ำจืดแดดเดียวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดด้านการส่งเสริมการตลาดมีผลทางบวกต่อการตัดสินใจซื้อ<br />ปลาน้ำจืดแดดเดียวในเขตจังหวัดนครราชสีมา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และด้านการจัดจำหน่าย<br />มีผลทางบวกต่อการตัดสินใจซื้อปลาน้ำจืดแดดเดียว ในเขตจังหวัดนครราชสีมาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 3) แนวทางด้านส่วนประสมการตลาดที่เหมาะสม ได้แก่ ควรเพิ่มช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เพื่อให้สามารถหาซื้อได้สะดวกขึ้น ผู้ผลิตควรมีสินค้าพร้อมจำหน่ายอยู่ตลอด มีกิจกรรมพิเศษเพื่อส่งเสริมการขาย<br />ตามเทศกาล ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์ และควรเพิ่มการแนะนำโฆษณาผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ที่หลากหลาย</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/5013 การท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรมอารายธรรมขอม: บ้านปรางค์นคร ตำบลบ้านปรางค์ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา 2025-05-07T14:42:00+07:00 ภัทรลภา บุตรดาเลิศ patlapa.b@nrru.ac.th <p>การวิจัยในครั้งนี้เป็นการเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์ คือ 1) ศึกษาแหล่งท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรม 2) ศึกษาคุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรม และ 3) หาแนวทาง การจัดการการท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน โดยมีขอบเขตการศึกษาที่ บ้านปรางค์นคร อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา <br />กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ตลอดจนผู้นำชุมชน ประชาชนที่มีส่วนรับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวจำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบปลายเปิด <br />(Open-Ended interview form) จากการศึกษา พบว่า 1) ชุมชนบ้านปรางค์นคร มีศักยภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรมแต่ขาดระบบการจัดการการท่องเที่ยวที่เป็นระบบและขาดงบประมาณสนับสนุน แนวทาง <br />การพัฒนาชุมชนบ้านปรางค์นคร เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรม ได้แก่ การพัฒนาระบบการจัดการการท่องเที่ยว การสนับสนุนด้านงบประมาณการส่งเสริมกิจกรรมท่องเที่ยว การพัฒนาข้อมูลและฐานข้อมูลท่องเที่ยว การปรับปรุงสิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการจัดกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แนวทางการจัดการการท่องเที่ยว<br />เชิงมรดกทางวัฒนธรรมอย่างยั่งยืนของบ้านปรางค์นคร ประกอบด้วย การชุมชนมีส่วนร่วมอนุรักษ์ปราสาทและวัฒนธรรม 2) คุณค่าของแหล่งท่องเที่ยวเชิงมรดกทางวัฒนธรรมของพื้นที่ศึกษาได้แก่ คุณค่าทางเศรษฐกิจ คุณค่า<br />ทางประวัติศาสตร์ คุณค่าทางศิลปะ ประเพณี และวิถีชีวิตของประชาชนในชุมชน 3) การพัฒนาพื้นที่รอบปราสาท<br />ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การให้ความสำคัญกับการพัฒนาและสืบทอดวัฒนธรรมของชุมชน การสร้างเครือข่ายของคนในชุมชนเพื่อดูแลอนุรักษ์ปราสาท และวัฒนธรรม และหน่วยงานราชการและองค์กรเอกชน<br />มีส่วนร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวและอนุรักษ์วัฒนธรรม</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://so08.tci-thaijo.org/index.php/jmsnrru/article/view/4629 อิทธิพลของคุณภาพกำไรและผลการดำเนินงานที่มีต่ออัตราการจ่ายเงินปันผล บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม 2025-06-16T11:36:58+07:00 กัญญาวีร์ วงค์เสือ kanyawee@bsu.ac.th ฐนิดา บุญยสาร tnd@mail.com อรจิรา อุสันเทียะ usan@mail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอิทธิพลของคุณภาพกำไรและผลการดำเนินงานที่มีต่ออัตรา<br />การจ่ายเงินปันผล บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม เป็นการใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปริมาณ โดยศึกษาจากทุติยภูมิ ซึ่งเก็บข้อมูลจากงบการเงิน แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และรายงานประจำปีของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและ SETSMART ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563-2567 ตลอดทั้ง 5 ปี มีกลุ่มตัวอย่างที่นำมาศึกษา จำนวน 65 บริษัท รวม 325 ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าเฉลี่ยค่าสูงสุด ค่าต่ำสุด ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน<br />เพื่อทดสอบสมมุติฐาน ประกอบด้วยการวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สันและการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ ณ ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 </p> <p> ผลการศึกษาคุณภาพกำไรและผลการดำเนินงานที่มีต่ออัตราการจ่ายเงินปันผล พบว่า รายการคงค้างจากการดำเนินงาน อายุของบริษัท ขนาดของบริษัท และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม มีอิทธิพลต่ออัตรา<br />การจ่ายเงินปันผล ส่วนอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น และอัตรากำไรสุทธิ พบว่าไม่มีอิทธิพลต่ออัตรา<br />การจ่ายเงินปันผล</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา