วารสารร่มยูงทอง https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong <p><strong><img src="https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/9/9a/Banner_Big.jpg" /></strong></p> <p> </p> <p><strong>วารสารร่มยูงทอง</strong></p> <p><strong>Rom Yoong Thong Journal</strong></p> <p><strong>ISSN :</strong> 2985-0193 (Online)</p> <p><strong>กำหนดระยะเวลาการเผยแพร่ จำนวน 3 ฉบับต่อปี</strong><br />ฉบับที่ 1 เปิดรับบทความเดือนมกราคม - เมษายน (เผยแพร่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป)<br />ฉบับที่ 2 เปิดรับบทความเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม (เผยแพร่เดือนกันยายน เป็นต้นไป)<br />ฉบับที่ 3 เปิดรับบทความเดือนกันยายน - ธันวาคม (เผยแพร่เดือนมกราคม เป็นต้นไป) </p> <p> </p> คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี th-TH วารสารร่มยูงทอง 2985-0193 Brand Reference Analysis Using Semantic Scholar: A Bibliographic Perspective https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong/article/view/4388 <p>This study aims to analyze the development of brand knowledge through a bibliometric perspective using the Semantic Scholar tool, which integrates artificial intelligence (AI) technology to analyze academic articles and citation links. The results of the analysis found that articles about brands have grown continuously, especially since 2010, reflecting the importance of brands in the digital age where technology and online marketing play important roles. The most cited article is “Conceptualizing, Measuring, and Managing Customer-Based Brand Equity” by Keller (1993), which has been cited 13,988 times. The results of the study also indicate that the business field has the most relevant articles (42.52%), and brand research emphasizes the connections between research networks and the role of related theoretical concepts. This study is important in helping researchers and brand practitioners understand knowledge structures, research trends, and opportunities for developing branding strategies in the future. The results of this bibliometric analysis also enhance the understanding of appropriate brand management methods in the rapidly changing digital age.</p> Danai Siriburee Rachata Suansawat Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-04-30 2025-04-30 3 1 81 92 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกที่พักแบบโฮมสเตย์ในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong/article/view/4765 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการเลือกที่พักแบบโฮมสเตย์ในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง คือ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่วางแผนการเดินทางไปพักที่โฮมสเตย์ในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย จำนวน 400 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากที่สุด ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง 18 - 27 ปี มีสถานภาพโสด โดยใหญ่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าปริญญาตรี มีอาชีพเป็นนักเรียน/นักศึกษา และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ในช่วงที่ต่ำกว่า 10,000 บาท จากผลการศึกษาวิจัยปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ พบว่า ด้านความต้องการและแรงจูงใจ ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านค่านิยมและวิถีการดำเนินชีวิต ด้านการเรียนรู้และด้านการรับรู้ ตามลำดับ ในส่วนของปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการตัดสินใจ พบว่า ด้านวัฒนธรรม ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านครอบครัว ด้านกลุ่มอ้างอิง และด้านชั้นทางสังคม ตามลำดับ ผลจากงานวิจัยในครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าโฮมสเตย์สามารถเป็นแนวทางในการพัฒนากลยุทธ์หรือการบริการของโฮมสเตย์ เพื่อตอบสนองได้ตรงกับความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้</p> ฐิติกาล เปลี่ยนเลิศวิชา ธนัฐชา โทวรรธนะ ภาสุรีย์ บูรณะพรสถิตย์ อัญชิสา แสงสิมมา Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-04-30 2025-04-30 3 1 1 22 ความรู้ความเข้าใจของประชาชนต่อการรับรู้สิทธิการจำนองที่ดิน กรณีศึกษาตำบลโคกสะอาด อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong/article/view/4943 <p> การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความรู้ความเข้าใจการทำสัญญาจำนองที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัยในตำบลโคกสะอาด อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ 2) ศึกษาปัญหาและอุปสรรคของการรับรู้และเข้าใจในการทำสัญญาจำนองที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลโคกสะอาด จำนวน 6,637 คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย จำนวน 378 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าความถี่ และค่าร้อยละ</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความรู้ความเข้าใจในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (ร้อยละ 77.25) 2) ปัญหาและอุปสรรคของการรับรู้และเข้าใจในการทำสัญญาจำนองที่ดิน ได้แก่ ปัญหาความเข้าใจที่ไม่ครอบคลุม ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ทราบสิทธิในการรับทรัพย์คืนหลังชำระหนี้ ขาดความเข้าใจในการไถ่ถอนทรัพย์สินหลังการชำระหนี้ ไม่ทราบข้อกฎหมายและผลกระทบของการจำนองซ้ำ ขาดความรู้เกี่ยวกับกระบวนการขายทรัพย์สินที่มีภาระจำนอง 3) ข้อเสนอแนะให้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ที่ง่ายต่อการเข้าถึง รวมถึงการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจของประชาชนในประเด็นดังกล่าว อันจะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติตามกฎหมายจำนองอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ</p> รัชเศรษฐ์ วชิรดำรงศักดิ์ อรุณ สนใจ กมลวิช ลอยมา ธีรภัทร กิจจารักษ์ รุ้งนภา แก้วพิมพ์ Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-05-01 2025-05-01 3 1 23 39 การรับรู้และความคิดเห็นของเยาวชนไทยต่อสัญลักษณ์ น 18 ในรายการโทรทัศน์ https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong/article/view/4871 <p>การวิจัยนี้ศึกษาการรับรู้ ความคิดเห็น และพฤติกรรมของเยาวชนไทยต่อสัญลักษณ์ น 18 ในรายการโทรทัศน์ รวมทั้งประเมินประสิทธิภาพของสัญลักษณ์ น 18 ใช้วิธีวิจัยแบบผสมผสาน เก็บข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวกจากผู้ตอบแบบสอบถาม 217 คน และข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับนักศึกษา 4 คนโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า เยาวชนไทยร้อยละ 99.1 ระบุความหมายของสัญลักษณ์ได้ถูกต้อง พบเห็นมากที่สุดในภาพยนตร์ (ร้อยละ 61.8) เนื้อหารุนแรง (ร้อยละ 59.9) และรายการที่มีคำหยาบ (ร้อยละ 58.5) ที่น่าสนใจคือร้อยละ 96.3 เคยรับชมรายการที่มีสัญลักษณ์นี้ตอนอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ และร้อยละ 91.7 ยังคงรับชมต่อเมื่อพบสัญลักษณ์ โดยร้อยละ 46.5 ให้เหตุผลว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทั้งนี้ ร้อยละ 78.8 เห็นว่าสัญลักษณ์มีความจำเป็นระดับปานกลางถึงมากที่สุด และร้อยละ 52.5 เชื่อว่าช่วยสร้างความตระหนักรู้ งานวิจัยนี้เสนอให้เพิ่มคำเตือนเฉพาะประเภทเนื้อหา พัฒนานโยบายให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สื่อดิจิทัล และบูรณาการแนวคิดการรู้เท่าทันสื่อร่วมกับระบบการจัดเรตติ้ง</p> นิษฐา หรุ่นเกษม ดารารัตน์ คงนวม จิรเดช แสงจันทร์ พิชามญธุ์ เม่งภักดี ธีรนันท์ ชุมพาลี Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-04-30 2025-04-30 3 1 81 92 การศึกษาทัศนคติและพฤติกรรมการอยู่ก่อนแต่งของคนเจเนอเรชัน Z ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong/article/view/4875 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และจิตวิทยาที่ส่งผลต่อการตัดสินใจและค่านิยมในการอยู่ก่อนแต่งของคนเจเนอเรชัน Z และ 2) เพื่อวิเคราะห์ทัศนคติและประสบการณ์ของผู้หญิงเจเนอเรชัน Z ที่เลือกอยู่ก่อนแต่งในบริบทสังคมไทย เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากผู้ให้ข้อมูลหลักจำนวน 6 คน ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ผลการวิจัยบ่งชี้ว่าปัจจัยสำคัญในการเลือกอยู่ก่อนแต่งประกอบด้วย การทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดความมั่นใจในความสัมพันธ์ การวางแผนทางการเงินร่วมกัน และแนวคิดเรื่องเสรีภาพที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงเลือกเส้นทางชีวิต อีกทั้งผู้หญิงกลุ่มนี้ยังตระหนักว่าการอยู่ก่อนแต่งเป็นสิทธิของตนในการวางแผนอนาคต และให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญแรงกดดันจากครอบครัวและสังคมก็พร้อมรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา</p> <p>ผลการวิจัยชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวเรื่องค่านิยมและการแต่งงานในสังคมไทย ตลอดจนสามารถนำข้อมูลพื้นฐานที่จะเป็นประโยชน์สำหรับการออกแบบหลักสูตรหรือกิจกรรมให้คำปรึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมในการสร้างครอบครัวสำหรับกลุ่มวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน</p> ชนาภา ราชวัตร สุรยุทธ ทองคำ Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-05-01 2025-05-01 3 1 57 65 ระบบการเรียนรู้ความต้องการเพื่อสั่งซื้อสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อรองรับระบบลูกค้าสัมพันธ์ https://so08.tci-thaijo.org/index.php/romyoongthong/article/view/4963 <p>ธุรกิจกระจก และวัสดุก่อสร้างในปัจจุบันประสบปัญหาสำคัญในการเข้าใจความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้การเพิ่มยอดขายขาดประสิทธิภาพ งานวิจัยนี้จึงพัฒนาระบบแชทบอทอัจฉริยะผ่านเว็บแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มไลน์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร บันทึกข้อมูลความต้องการ และแนะนำสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือลูกค้ากลุ่มช่างที่ต้องการซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างสำหรับงานเฉพาะทาง ระบบแชทบอทนี้ใช้เทคโนโลยีแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ แอลแอลเอ็ม (Large Language Model) ที่ผ่านการปรับแต่ง (Fine-Tuning) ร่วมกับเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการเรียกข้อมูล (Retrieval Augmented Generation: RAG) เพื่อให้เหมาะสมกับข้อมูลความรู้และความสัมพันธ์ระหว่างสินค้า การวิจัยใช้ชุดข้อมูลทดสอบจำนวน 2,732 ชุด และประเมินประสิทธิภาพของแบบจำลองด้วยการเปรียบเทียบความแม่นยำระหว่าง Llama-3.1-8B ที่ผ่านการปรับแต่ง กับแบบจำลองแบบปิดอย่าง GPT-4o และ Claude 3.5 Sonnet</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า Llama-3.1-8B ที่ปรับแต่งแล้วให้ความแม่นยำสูงในการตรวจสอบสินค้า (79%) และการเชื่อมโยงสินค้ากับการใช้งาน (87%) ในขณะที่ GPT-4o มีประสิทธิภาพดีกว่าในด้านการแนะนำสินค้า (86%) นอกจากนี้ ผลการประเมินความพึงพอใจจากผู้ใช้งานยังพบว่า Llama-3.1-8B มีคะแนนความพึงพอใจโดยรวมสูงสุด (4.6 จาก 5.0) จึงได้รับการคัดเลือกเป็นแบบจำลองหลักในการพัฒนาระบบแชทบอทสำหรับการใช้งานจริง</p> กิตติ์ธัญญา เตชานนนท์กุลวัฒน์ กิติภูมิ หน่อเนื้อ ประพจน์ ศรีนุวัตติวงศ์ Copyright (c) 2025 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-04-30 2025-04-30 3 1 66 80