รูปแบบการบริหารจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวมรดกทางโบราณคดีและวัฒนธรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนลุ่มน้ำมูลตอนบน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาศักยภาพของทรัพยากรการท่องเที่ยว 2) เพื่อจัดทำเส้นทาง
การท่องเที่ยว และ 3) เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวมรดกทางโบราณคดีและวัฒนธรรม
โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 6 แห่ง ด้านกลุ่มเป้าหมาย มีจำนวน 5 กลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมิน แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหา
เชิงพรรณนา และการวิเคราะห์เชิงปริมาณด้วยสถิติ เช่น ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา พบว่าศักยภาพของทรัพยากรการท่องเที่ยวทางโบราณคดีและวัฒนธรรมบริเวณลุ่มน้ำมูลตอนบนในภาพรวม มีศักยภาพอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.02 โดยการดึงดูดใจด้านการท่องเที่ยวมีศักยภาพมากที่สุด ในส่วนของการจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวทางโบราณคดีและวัฒนธรรมบริเวณลุ่มน้ำมูลตอนบน มีจำนวน 2 โปรแกรม คือโปรแกรมท่องเที่ยว จำนวน 1 วัน หรือเส้นทาง 2 หิน หมายถึงการท่องเที่ยวใน 2 ตำบล คือตำบลหินดาด และตำบลหินโคน และโปรแกรมท่องเที่ยว จำนวน 2 วัน หรือเส้นทาง 2 หิน 4 ปราสาท หมายถึง
การท่องเที่ยวในตำบลหินดาดและหินโคน ที่เป็นจุดเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวภายในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงจุดเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดบุรีรัมย์ และรูปแบบการบริหารจัดการเส้นทางการท่องเที่ยวมรดกทางโบราณคดีและวัฒนธรรม คือการบริหารจัดการแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชนด้วยหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยว ประกอบด้วยการจัดทำแผน การปฏิบัติ การตรวจสอบติดตามการดำเนินงาน และการพัฒนา
อย่างต่อเนื่อง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความในวารสารเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราขสีมา
บทความที่ปรากฎในวารสารเป็นความคิดเห็นของผู้แต่งเพียงอย่างเดียวซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับวารสาร
เอกสารอ้างอิง
กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2556). คู่มือการประเมินมาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
_____________________________________. (2564). คู่มือหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว. กรุงเทพฯ : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
_____________________________________. (2565). รายงานสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย. กรุงเทพฯ : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา.
กุลวดี ละม้ายจีน และเทิดชาย ช่วยบำรุง. (มกราคม-มิถุนายน 2559.) “ศักยภาพชุมชนท้องถิ่นในการจัดการ
การท่องเที่ยวโดยชุมชน ในเขตพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทองจังหวัดสุพรรณบุรี.” Life Sciences and Environment Journal. 17(1) : 190-199.
จงกล จันทร์เรือง และคณะ. (2562). รายงานการวิจัยเรื่องการค้นหาและถอดองค์ความรู้ทุนชุมชนเพื่อค้นหาเส้นทางการท่องเที่ยวเขตอารยธรรมขอมอีสานใต้-กัมพูชา (พิมาย-นครวัดนครธม). กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
ดวงพร อ่อนหวาน และคณะ. (2558). รายงานการวิจัยเรื่องการขยายผลการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนผ่านการจัดการความรู้อย่างมีส่วนร่วม. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
นิลุบล วิโรจน์ผดุงพงศ์ และคณะ. (2562). รายงานการวิจัยเรื่องค้นหาเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมและสร้างโปรแกรมการท่องเที่ยวระยะสั้นตามเส้นทางเขตอารยธรรมขอม
อีสานใต้–กัมพูชา (พิมาย-นครวัดนครธม) โดยชุมชนมีส่วนร่วม. กรุงเทพฯ : สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
พิฑูรย์ ทองฉิม และคณะ. (2565). รูปแบบเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวง เพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาอย่างยั่งยืน. ใน เอกสารประกอบการประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติและนานาชาติ ครั้งที่ 13. (หน้า 2670-2681). สงขลา : มหาวิทยาลัยหาดใหญ่.
พิมพ์ระวี โรจน์รุ่งสัตย์. (2556). การท่องเที่ยวชุมชน. กรุงเทพฯ : โอ.เอส พริ้นติ้ง เฮ้าส์.
วันทนา เนาว์วัน และลายอง ปลั่งกลาง. (2557). รายงานการวิจัยเรื่องพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวชุมชน ตำบลบางกระสั้น อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. พระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.
สิน พันธุ์พินิจ. (2551). เทคนิคการวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : บริษัทวิทยพัฒน์ จำกัด.