การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการเชื่อมโยง และความมุ่งมั่นในการทำงาน ด้วยการบูรณาการการจัดการเรียนรู้ร่วมมือด้วยเทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน ร่วมกับการใช้เกมเป็นฐานสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ก่อนและหลังจัดการเรียนรู้ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังจัดการเรียนรู้กับเกณฑ์ร้อยละ 70 3) เพื่อศึกษาทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์หลังจัดการเรียนรู้ และ 4) เพื่อศึกษาความมุ่งมั่นในการทำงานหลังจัดการเรียนรู้ ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพิบูลย์รักษ์พิทยา ปีการศึกษา 2567 จำนวน 75 คน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือวิจัยได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิคเรียนรู้ร่วมกัน (LT) ร่วมกับการใช้เกมเป็นฐาน 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ 3) แบบวัดทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ และ 4) แบบวัดความมุ่งมั่นในการทำงาน การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยให้กลุ่มตัวอย่างทำแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ก่อนเรียนจัดการเรียนรู้ จำนวน 8 แผน เวลา 8 ชั่วโมง แล้วหลังเรียนทำแบบวัดผลสัมฤทธิ์ แบบวัดทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ และแบบวัดความมุ่งมั่นในการทำงาน การวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (One-sample t-test, Paired sample t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) นักเรียนมีทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์หลังการเรียนถูกต้อง ครบถ้วน ชัดเจน คิดเป็นร้อยละ 69.20 รองลงมามีทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ได้ถูกต้อง ส่วนใหญ่ครบถ้วน ชัดเจน คิดเป็นร้อยละ 19.20 และมีทักษะการเชื่อมโยงทางคณิตศาสตร์ได้ถูกต้อง บางส่วนครบถ้วน ค่อนข้างชัดเจน คิดเป็นร้อยละ 11.50 และ 4) นักเรียนมีความมุ่งมั่นในการทำงานหลังการเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา. (2566). รายงานความไม่เสมอภาคทางการศึกษาและทักษะพื้นฐานของนักเรียนไทย. กรุงเทพฯ: กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (EEF).
ดารุณี แก้วบุญเรือง. (2560). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค LT ประกอบแบบฝึกทักษะ เรื่อง การบวก ลบ คูณ หารระคน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
นนท์ชัย ขุนวิเศษ. (2564). การศึกษาทักษะการเชื่อมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนที่ส่งเสริมทักษะการเชื่อมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ เรื่อง อสมการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ปรินทร์ ธัญญะภู. (2566). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมทางคณิตศาสตร์ เพื่อส่งเสริมทักษะการสื่อสารและการนำเสนอทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาคณิตศาสตร์ศึกษา. มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
ภริดา แก้วโต อุไรวรรณ ปานทโชติ และสายพิน ปรักมาส. (2561). “ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง อสมการ โดยใช้การจัดการเรียนการสอนโดยใช้เทคนิค Learning Together (LT) ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3.” การประชุมวิชาการระดับชาติ ครุศาสตร์ศึกษา ครั้งที่ 1 ประจำปี 2561. (น.729-736), 29 มีนาคม พ.ศ. 2561. กำแพงเพชร: มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.
พาวา พงษ์พันธุ์ วิชิต สุรัตน์เรืองชัย และอาพันธ์ชนิต เจนจิต. (2560). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเชื่อมโยงความรู้ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารการศึกษาและการพัฒนาสังคม, 13(1), 335-346.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2559). ปัญหาวิกฤตในระบบการศึกษาและการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2566). รายงานวิเคราะห์แนวโน้มการศึกษาของไทยในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
Digital Promise. (2021). The power of game-based learning in education. Washington, DC: Digital Promise.
Slavin, R. E. (1995). Cooperative learning: Theory, research, and practice. 2nd ed.. Boston, MA: Allyn & Bacon.
World Economic Forum. (2020). The future of jobs report 2020. Geneva, Switzerland: World Economic Forum.