การพัฒนาชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์ธนบุรี
คำสำคัญ:
ชุดกิจกรรม, ทักษะการฟัง, ทักษะการพูด, ภาษาอังกฤษบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการพัฒนาชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีจุดประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ 2) ประเมินคุณภาพชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสารสาสน์ธนบุรี จำนวน 1 ห้องเรียน ผู้วิจัยได้กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มอย่างง่ายด้วยวิธีการจับฉลาก ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 34 คน และครูผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ 1 คน ที่สอนห้องเรียนดังกล่าว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบประเมินความเหมาะสมของชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ 2) แบบประเมินความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ 3) แบบสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้วิจัยได้พัฒนาชุดกิจกรรมเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร จำนวน 4 ชุด ประกอบเรื่อง School Days, Going Shopping, Explore the World และ About Me 2) ผลการวิเคราะห์การประเมินความเหมาะสมของชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านพบว่าชุดกิจกรรมทั้งฉบับมีความเหมาะสมมากที่สุด (ค่าเฉลี่ยที่ =4.15, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน =0.76) คิดเป็นร้อยละ 86.4 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 85 3) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่าผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นหลังจากได้เรียนผ่านชุดกิจกรรมเมื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนเรียนและเกณฑ์ที่กำหนด 4) ผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจนักเรียนที่มีต่อเรียนด้วยชุดกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย =4.32, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน =0.79) ซึ่งเมื่อเทียบเป็นร้อยละพบว่าผู้เรียนมีความพึงพอใจร้อยละ 86.4 ซึ่งเป็นไปตามสมมุติฐานที่ตั้งไว้ คือผู้เรียนต้องมีความพึงพอใจมากกว่าร้อยละ 85
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564). กรุงเทพฯ: สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ.
กัลยาณี ภู่เจริญ. (ม.ป.ป.) การสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21: จากอดีตถึงปัจจุบัน. สืบค้นจาก https://www.academia.edu
จมานนท์ บุตรชาดา, ปราโมทย์ จันทร์เรือง, ประทุม ศรีรักษา, (2560). ผลการใช้ชุดกิจกรรมพัฒนาทักษะการฟัง-พูด ภาษาอังกฤษด้วยข้อมูลท้องถิ่นอ่างทองสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. วารสารลวะศรี วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี, 2(2), 13-14
นงสมร พงษ์พานิช. (2554). การศึกษาปัญหาของการพูดภาษาอังกฤษในการสื่อสารด้วยวาจา ของนิสิตคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราช. วารสารมนุษยศาสตร์วิชาการ. 18(1), 85.
นวรัต หัสดี. (2564). ความแตกต่างระหว่างบุคคล Individual differences. สืบค้นจาก: https://pubhtml5.com/oect/nety/basic
นันทนิตย์ บุตรปาละ. (2563). การพัฒนาทักษะการฟัง-พูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏเลย. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 14(1), 104.
ปราณี จงอนุรักษ. (2560). ผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เรื่อง บรรยากาศ สำหรับนักเรียนชันมัธยมศึกษาปีที่ 1. (วิทยานิพนธ์). มหาวิทยาลัยบูรพา, กรุงเทพฯ.
วรรณพรรณ เลิศวัตรกานต์. (2556). การพัฒนาชุดกิจกรรมโดยเน้นงานปฏิบัติเพื่อฝึกทักษะการฟังและพูดภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมารีวิทยา. (การค้นคว้าอิสระ). มหาวิทยาลัยศิลปากร, กรุงเทพฯ
หทัยนัทธ์ มณฑา. (2563). การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษโดยใช้กลวิธีการคิดเป็นภาพส่งเสริมความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. (การค้นคว้าอิสระ). มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก.
อุบล ชมภูบุตร. (2561). การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านการสื่อสารในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. (งานวิจัยในชั้นเรียน). โรงเรียนเทศบาลบูรพาภิราม, ร้อยเอ็ด.
