การส่งบทความ

เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน เพื่อส่งบทความ

รายการตรวจสอบก่อนส่งบทความ

ในขั้นตอนการส่งบทความ ผู้แต่งต้องตรวจสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดรายการตรวจสอบการส่งทุกข้อ ดังต่อไปนี้ และบทความอาจถูกส่งคืนให้กับผู้แต่งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด
  • บทความเรื่องนี้ยังไม่เคยตีพิมพ์หรืออยู่ในระหว่างการพิจารณาเพื่อตีพิมพ์ในวารสารอื่น (หากมีกรุณาอธิบายในข้อความถึงบรรณาธิการ)
  • บทความเตรียมในรูปแบบของไฟล์ Microsoft Word
  • มีการให้ URLs ที่เข้าถึงได้ สำหรับเอกสารที่อ้างอิงจากอินเทอร์เน็ต
  • บทความพิมพ์แบบใช้ระยะห่างบรรทัดปกติ (single-spaced) ขนาดฟ้อนท์ตัวอักษร 16pt(ในภาษาไทย) และ 16 pt(ในภาษาอังกฤษ) ใช้ตัวเอนแทนการขีดเส้นใต้สำหรับสังกัดผู้แต่ง (ยกเว้น ที่อยู่ URL) และ ระบุข้อมูล รูปวาด รูปภาพ และตาราง ในตำแหน่งที่เหมาะสม เป็นตามข้อกำหนดของวารสาร
  • บทความเตรียมตามข้อกำหนด ทั้งในด้านของรูปแบบและการเขียนเอกสารอ้างอิง ตามคำแนะนำสำหรับผู้แต่ง (Author Guidelines)

คำแนะนำผู้แต่ง

รูปแบบการตีพิมพ์ 

การตั้งค่าหน้ากระดาษ  

กระดาษ                                   ขนาดกระดาษ A4  

ระยะขอบ                                 ขอบล่าง (Botton Margin) และขอบขวา (Right Margin)

                                                 2.54 เซนติเมตร (1 นิ้ว)  

                                                 ขอบบน (Top Margin) 3.17 เซนติเมตร (1.25 นิ้ว)  

                                                 ขอบซ้าย (Left Margin) 3.81 เซนติเมตร (1.5 นิ้ว) 

รูปแบบตัวอักษร                      แบบตัวอักษรใช้ TH SarabunPSK ทั้งบทความ 

การย่อหน้า                              ส่วนเนื้อหา ย่อหน้า 3 Tab (ตั้งค่า tab ละ 0.5 เซนติเมตร) 

ชื่อเรื่อง                                    กลางหน้ากระดาษ ตัวหนา ขนาด 18 

การพิมพ์ชื่อผู้แต่ง                  ชื่อผู้แต่งชิดขวา ตัวหนาขนาด 12

การพิมพ์ส่วนเนื้อหา               จัดข้อความกระจาย ชิดขอบ ขนาด 14 ตัวหนาเฉพาะหัวข้อ 

การพิมพ์เอกสารอ้างอิง         หัวข้อชิดซ้าย ตัวหนา ขนาด 16  

                                                 (โดยแถวแรกชิดขอบซิดซ้าย แถวที่ 2 เยื้องเข้า 1.5 เซนติเมตร) 

รูปแบบบทความวิชาการ (Article)  

ความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 ทั้งนี้รวมรูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง (ใช้ APA  Style) ทั้งภายในและส่วนท้ายบทความ 

รายละเอียด 

  1. ชื่อบทความ (Title) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  
  2. ชื่อ-สกุล ผู้เขียนทุกท่าน (Authors) ไม่ต้องระบุคํานําหน้า ตําแหน่งทางวิชาการ ชั้นยศ 
  3. ตัวเลขยก ให้เขียนไว้บนท้ายนามสกุล เพื่อระบุว่าเป็นตําแหน่ง คณะวิชา สาขาวิชา หน่วยงานที่สังกัด และเชื่อมโยงเป็นเชิงอรรถท้ายหน้าเดียวกัน 
  4. เนื้อหา (Content) แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ บทคัดย่อ ส่วนความนํา ส่วนรายละเอียดเนื้อเรื่อง และ ส่วนสรุป 
  5. เอกสารอ้างอิง (References) ระบุแหล่งอ้างอิง เท่าที่จําเป็น อ้างอิงภายในบทความและท้าย บทความต้องตรงกัน  แบบ APA 7th

รูปแบบบทความวิจัย (Research Article) รวมถึงวิทยานิพนธ์การค้นคว้าอิสระ

               ความยาวไม่เกิน 15 หน้ากระดาษ A4 ทั้งนี้รวมรูปภาพ ตาราง และเอกสารอ้างอิง (ใช้ APA 7th) ทั้งภายในและส่วนท้ายบทความ 

รายละเอียด 

  1. ชื่อบทความ (Title) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  
  2. ชื่อ-สกุล ผู้เขียนทุกท่าน (Authors) ไม่ต้องระบุคํานําหน้า ตําแหน่งทางวิชาการ ชั้นยศ 
  3. ตัวเลขยก ให้เขียนไว้บนท้ายนามสกุล เพื่อระบุว่าเป็นตําแหน่ง คณะวิชา สาขาวิชา หน่วยงานที่สังกัด และเชื่อมโยงเป็นเชิงอรรถท้ายหน้าเดียวกัน 
  4. บทคัดย่อ (Abstract) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ควรสั้นตรงประเด็น และเป็นการสรุปผลงานอย่าง รัดกุม ครอบคลุมสาระสําคัญของการวิจัย ความยาวไม่เกิน 400 ตัวอักษร 
  5. คําสําคัญ (Keywords) ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เป็นการกําหนดคําสําคัญที่สามารถนําไปใช้เป็น คําสืบค้นในระบบฐานข้อมูล ไม่ควรยาวมากเกินไป และไม่ควรเกิน 5 คํา 
  6. บทนํา เป็นความเป็นมา ความสําคัญและมูลเหตุที่นําไปสู่การวิจัย  
  7. วัตถุประสงค์เป็นการระบุจุดมุ่งหมายของการวิจัย 
  8. กรอบแนวคิดการวิจัย (ถ้ามี)
  9. สมมติฐานการวิจัย (ถ้ามี)  
  10. วิธีดําเนินการวิจัย เป็นการอธิบายวิธีการดําเนินการวิจัย เครื่องมือ ประชากร กลุ่มตัวอย่าง วิธีเก็บ ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ควรเสนอรูปแบบและแสดงขั้นตอนอย่างกระชับและชัดเจน
  11. สรุปผลการวิจัย เป็นการสรุปสาระสําคัญที่ได้จากการวิจัยที่ตรงตามวัตถุประสงค์กระชับและชัดเจน
  12. อภิปรายผล เป็นการเสนอความคิดเห็นทัศนคติและพิจารณาสิ่งที่ได้จากการวิจัยแล้วหาข้อสรุปของปัญหานั้น  
  13. ข้อเสนอแนะ เป็นการเสนอแนวทางวิธีการนําผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์และข้อเสนอแนะต่างๆ

ทางวิชาการ 

  1. เอกสารอ้างอิง (References) ระบุแหล่งอ้างอิง เท่าที่จําเป็น อ้างอิงภายในบทความและท้าย

     บทความต้องตรงกัน  แบบ APA 7th 

 

บทความวิชาการ

บทความวิชาการ หมายถึง บทความจาการรวบรวมความรู้ ทบทวนวรรณกรรม Section default policy

บทความวิจัย

Research Article

นโยบายส่วนบุคคล

จริยธรรมของบรรณาธิการ
1. บรรณาธิการมีหน้าที่ตรวจสอบบทความที่ส่งมาเพื่อขอตีพิมพ์กับวารสารทุกบทความ โดยพิจารณาความสอดคล้องของเนื้อหาบทความกับขอบเขตของวารสารเป็นสำคัญ และมีการตรวจสอบคุณภาพบทความก่อนการตีพิมพ์
2. บรรณาธิการต้องใช้เหตุผลทางวิชาการในการพิจารณาบทความ และต้องไม่มีอคติ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์หรือผู้ทรงคุณวุฒิ และบทความที่พิจารณาไม่ว่าด้วยกรณีใด
3. บรรณาธิการต้องปฏิบัติตามกระบวนการต่าง ๆ ของวารสารอย่างเคร่งครัด
4. บรรณาธิการต้องมีจรรยาบรรณ และไม่นำข้อมูลบางส่วนหรือทุกส่วนของบทความไปเป็นผลงานของตนเอง
5. บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของบทความตามมาตรฐานทางวิชาการอย่างจริงจัง พร้อมใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้ว่า บทความที่ตีพิมพ์ในวารสารไม่มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น ถ้าพบว่า มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น จะต้องแจ้งให้เจ้าของบทความทราบทันที หากผู้นิพนธ์บทความไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ บรรณาธิการสามารถปฏิเสธการตีพิมพ์ได้

จริยธรรมของผู้นิพนธ์
1. ผู้นิพนธ์ต้องส่งบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์หรือเผยแพร่ที่ใดมาก่อน
2. ผู้นิพนธ์ต้องทำการอ้างอิงให้ถูกต้องทุกครั้งเมื่อนำผลงานของผู้อื่นมาอ้างอิงประกอบในเนื้อหาบทความของตนเอง และต้องไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง
3. บทความของผู้นิพนธ์ต้องปรับแก้ไขให้ถูกต้องตามรูปแบบของวารสารในหัวข้อ "คำแนะนำสำหรับผู้เขียน" และต้องปรับแก้ไขผลงานที่ตีพิมพ์ตามคำแนะนำหรือตามผลการประเมินบทความจากผู้ประเมินบทความ หากไม่แก้ไขตามคำแนะนำ ของผู้ประเมิน ทางวารสารจะขอสงวนสิทธิ์ไม่ตีพิมพ์บทความของท่าน
4. ผู้นิพนธ์ต้องยินยอมโอนลิขสิทธิ์ให้แก่วารสารก่อนการตีพิมพ์ และไม่นำผลงานไปเผยแพร่หรือตีพิมพ์กับแหล่งอื่น ๆ หลังจากที่ได้รับการตีพิมพ์กับวารสารศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยนครราชสีมา
5. ชื่อผู้นิพนธ์ที่ปรากฏในบทความต้องเป็นผู้ที่มีส่วนในบทความนั้น ๆ จริง

จริยธรรมของผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาบทความ
1. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้นิพนธ์ การพิจารณาบทความต้องคำนึงถึงคุณภาพเป็นสำคัญและพิจารณาโดยใช้เหตุผลทางวิชาการเป็นหลัก โดยปราศจากอคติใดทั้งสิ้น
2. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของบทความที่รับประเมินอย่างแท้จริง
3. ผู้ทรงคุณวุฒิต้องไม่แสวงหาประโยชน์จากบทความที่ตนเองได้ทำการประเมิน