การพัฒนาชุดกิจกรรมการทรงท่าเพื่อลดพฤติกรรมการกระตุ้นตนเอง “การกัดปกคอเสื้อ” ในนักเรียนออทิสติก
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบสลับกลับ (The ABAB Reversal Design) มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) เพื่อศึกษาผลของการใช้ชุดกิจกรรมการทรงท่าเพื่อลดพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ” ในนักเรียนออทิสติก 2) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ”ของนักเรียนออทิสติกก่อนและหลังใช้ชุดกิจกรรมการทรงท่า กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือ นักเรียนออทิสติก เพศหญิง อายุ 7 ปี ของศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดตาก สาขาแม่สอด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) ชุดกิจกรรมการทรงท่า ประกอบด้วย การนั่งชิงช้าหยิบห่วงใส่หลัก การนั่งบอลหยิบห่วงใส่หลัก และการกระโดดแทรมโพลีนหยิบห่วงใส่หลัก โดยผู้วิจัยได้เลือกกิจกรรมที่มีความหมายและเป็นกิจกรรมที่ผู้เรียนชอบและสนใจที่ต้องการอยากจะฝึก ผู้วิจัยจึงนำการหยิบห่วงใส่หลักมาฝึกร่วมกับการฝึกชุดกิจกรรมการทรงท่า 2) แบบสังเกตพฤติกรรมการกระตุ้นเอง “กัดปกคอเสื้อ”ก่อนการใช้ชุดกิจกรรมการกระตุ้นการทรงท่า ระยะการใช้ชุดกิจกรรมการกระตุ้นการทรงท่า ระยะหลังการถอดถอนการใช้ชุดกิจกรรมการกระตุ้นการทรงท่า และระยะการใช้ชุดกิจกรรมการกระตุ้นการทรงท่า 3) แผนการสอนเฉพาะบุคคลด้วยชุดกิจกรรมการทรงท่า วิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ผลการวิจัยปรากฏว่า นักเรียนออทิสติกมีพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ” หลังการใช้ชุดฝึกกิจกรรมการทรงท่า แล้วพบว่ามีพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ” ลดลงซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้และเมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ” ของนักเรียนออทิสติกที่ได้รับการฝึกด้วยชุดกิจกรรมการทรงท่าพบว่า นักเรียนออทิสติกที่มีพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ”ดังนี้ ผลการเปรียบเทียบพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ” ในระยะที่ 1 กับในระยะที่ 2 พบว่า นักเรียนออทิสติกมีพฤติกรรมกระตุ้นตนเอง “กัดปกคอเสื้อ” ลดลง คิดเป็นร้อยละ 35.75
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารครุศาสตร์เล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยนครพนม และคณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
References
กรมสุขภาพจิต. (2562). คู่มือฝึกและดูแลเด็กออทิสติกสำหรับผู้ปกครอง (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพ ฯ: โรงพยาบาลยุวประ สาทไวทโยปถัมภ์.
เกริกชัย พิชัย. (2557). ผลของการใช้อาชาบำบัดลดภาวะกลัวการเคลื่อนไหวในแนวต้านแรงดึงดูดของโลกในเด็กออทิสติก. วารสารราชานุกูล, 29(1), 31-36.
ขวัญวรัชญ์ ชยาธรธนวัฒน์. (2557). ปัจจัยเชิงเหตุทางพุทธศาสนาที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้ปกครองในการดูแลเด็กออทิสติก : กรณีศึกษา สถาบันราชานุกูล. [วิทยานิพนธ์ ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต] กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล.
ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. (2561). คู่มือฝึกและดูแลเด็กออทิสติกสำหรับผู้ปกครอง (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: พรอสเพอรัสพลัส.
สถาบันราชานุกูล. (2557). เด็กออทิสติก คู่มือสำหรับพ่อแม่/ผู้ปกครอง (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด.
สรินยา ศรีเพชราวุธ. (2559). การทำกิจกรรมบำบัด Sensory Integration. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://web.kku.ac.th/autistic/th/images/stories/docandpdf/si.pdf. (1 เมษายน 2567)
สุภาพร ชินชัย. (2555). กรอบอ้างอิงการบรูณาการประสาทความรู้ สึก:ทฤษฎีและการปฏิบัติการทางคลินิกกิจกรรมบำบัด. เชียงใหม่: พิมพ์นานา.
Audet, L.R. (2001). The Nature of Pervasive Developmental Disorder: A Holistic View, in Autism: A Comprehensive Occupational Therapy Approach. Edited by H. Miller Kuhaneck. Bethesad: The American Occupational Therapy Asso