ความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการบริหารจัดการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
ความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล, การบริหารจัดการองค์กร, องค์กรบริหารส่วนจังหวัดบทคัดย่อ
บทความวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาระดับความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและ 2. วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านความพร้อมกับประสิทธิภาพการบริหารจัดการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.) เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง คือประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา จำนวน 400 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบง่าย โดยใช้แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญโดยมีผลการประเมินดัชนีความสอดคล้องเท่ากับ 0.92 และและค่าความเชื่อมั่นได้เท่ากับ 0.926 วิเคราะห์ผลการศึกษาด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมานเพื่อการทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์สมการถดถอยเชิงพหุ
ผลการวิจัยพบว่า 1. ความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของ อบจ. อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 4.40) โดยเฉพาะด้านการเข้าถึงและการใช้งาน (ค่าเฉลี่ย 4.49) ในขณะที่ประสิทธิภาพการบริหารจัดการของ อบจ. มีค่าเฉลี่ย 4.48 อยู่ในระดับมากเช่นกัน 2. ผลการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุพบว่าความพร้อมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกมิติ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การเข้าถึงและการใช้งาน ความรู้และทักษะดิจิทัล และการสนับสนุนด้านนโยบายและวัฒนธรรมองค์กร มีอิทธิพลเชิงบวกและมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.01) ต่อประสิทธิภาพการบริหารจัดการ (R² = .939) สอดคล้องกับแนวคิด T-O-E Framework และทฤษฎี UTAUT ที่ชี้ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีต้องบูรณาการทั้งด้านเทคโนโลยี องค์กร และสภาพแวดล้อม ผลการศึกษาครั้งนี้จึงสามารถใช้เป็นแนวทางสำคัญสำหรับ อบจ. และหน่วยงานท้องถิ่นอื่น ๆ ในการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาดิจิทัลเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบริหารงานสาธารณะ
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล. (2566). รายงานรัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย 2566. กรุงเทพฯ: สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล.
อนุรัตน์ อนันทนาธร (2566). รัฐบาลดิจิทัลของไทย. คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
อารีรัตน์ อาษาไชย. (2566). การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของบุคลากรในพื้นที่สำนักงานอัยการภาค 3 จังหวัดนครราชสีมา. วารสารการจัดการการเมืองการปกครองและท้องถิ่น, 1(3), 50–60.
Cronbach, L. J. (1951). Coefficient alpha and the internal structure of tests. Psychometrika, 16(3), 297–334.
Ifinedo, P. (2011). The influence of organizational factors on e-government adoption and implementation in developing countries: A case study of Nigeria. Journal of Information Technology, 26(1), 54-74.
Ifinedo, P. (2011). Internet/e-business technologies acceptance in Canada’s SMEs: An exploratory investigation. Internet Research, 21(3), 255-281.
Kettunen, P., et al. (2021). Digital transformation of local governments: A systematic literature review. Government Information Quarterly, 38(4), 101590.
Kettunen, P., et al. (2021). Digital Transformation in Public Administration: Key drivers and challenges. Journal of Public Administration Research and Theory, 31(3), 451-467.
Ndou, V. (2004). E-Government for Developing Countries: Opportunities and Challenges. The Electronic Journal of Information Systems in Developing Countries, 18(1), 1-24.
Tornatzky, L. G., & Fleischer, M. (1990). The Processes of Technological Innovation. Lexington Books.
Tangi, C., et al. (2021). Digital transformation and organizational success: Evidence from digital adoption in the public sector. Public Administration Review, 81(2), 305-317.
Venkatesh, V., et al. (2003). User acceptance of information technology: Toward a unified view. MIS Quarterly, 27(3), 425-478.
Westerman, G., et al. (2014). Digital Transformation: A Roadmap for Billion-Dollar Organizations. Harvard Business Review, 92(9), 60-70.
Yamane, T. (1973). Statistics an Introductory Analysis. (3rd Ed.). New York: Harper & Row, Publishers, Inc.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

