การพัฒนาทักษะการอ่านบทร้อยกรอง โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสามารถการอ่านบทร้อยกรอง โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนเปรียบเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถการอ่าน
บทร้อยกรองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน จากแบบฝึกทักษะการอ่าน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/7 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม จำนวน 40 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม โดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกทักษะการอ่านร้อยกรอง แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านบทร้อยกรอง สถิติที่ใช้
ในการวิจัย ได้แก่ การทดสอบค่า t-test แบบ Dependent Samples และ t-test for One Sample
ผลการวิจัย พบว่า 1) ความสามารถอ่านบทร้อยกรองโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านบทร้อยกรองของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนหลังเรียนที่ ( = 13.27, S.D. = 0.93) ความสามารถการอ่านบทร้อยกรองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จึงมากกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 ที่ระดับนัยสำคัญระดับ .05 2) ความสามารถในการอ่านบทร้อยกรองหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 โดยความสามารถการอ่านบทร้อยกรองรายด้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยเรียงจากมากที่สุดไปน้อยที่สุด คือ อันดับที่ 1 ความสามารถการอ่านบทร้อยกรองและการอ่านกลองเพลงยาว มีค่าเฉลี่ยที่ ( = 4.75, S.D. = 0.43) อันดับที่ 2 ความสามารถการอ่านกลอนบทละคร มีค่าเฉลี่ยที่ (
= 4.6, S.D. = 0.49) อันดับที่ 3 ความสามารถการอ่านกลอนสุภาพและการอ่านกลอนเสภา
มีค่าเฉลี่ยที่ ( = 4.57, S.D. = 0.50) อันดับที่ 4 ความสามารถการอ่านกาพย์ยานี 11 และการอ่านกาพย์ฉบัง 16 มีค่าเฉลี่ยที่ (
= 4.55, S.D. = 0.50) และอันดันดับที่ 5 ความสามารถการอ่านโคลงสี่สุภาพ มีค่าเฉลี่ยที่ (
= 4.52, S.D. = 0.50) ตามลำดับ
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารครุศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารครุศาสตร์เล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยนครพนม และคณาจารย์ท่านอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใด ๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมชน การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ขัณธ์ชัย อธิเกียรติ. (2559). การอ่านบทประพันธ์และเพลงพื้นบ้าน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย
รามคำแหง.
ณัฏฐกฤษฏิ์ อกนิษฐธาดา. (2556). ทำนองเสนาะ: ทางสู่สุนทรียภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์
แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณิทชาภา ชุมพลรักษ์. (2560). การพัฒนาหนังสือส่งเสริมการอ่านบทร้อยกรอง กลุ่มสาระการ
เรียนรู้ภาษาไทยชุดประเทศเพื่อนบ้านของไทยในอาเซียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). สุรินทร์: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์.
บรรพต ศิริชัย. (2557). การสอนอ่านทำนองเสนาะในโรงเรียนมัธยมศึกษาเขต กรุงเทพมหานคร. วารสารสถาบันวัฒนธรรมและศิลปะ. 16(1), 93–104.
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 3).
กรุงเทพฯ:สุวีริยาสาส์น.
วรรณี โสมประยูร. (2542). การสอนภาษาไทยระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนา.
วรายุทธ์ วงษ์สง่า และปริญญา เงินพลอย. (2566). การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงบท
ร้อยกรอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ด้วยนวัตกรรมสมาร์ตเลิร์นนิงร่วมกับการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวัฏจักร 5Es. วารสารราชนครินทร์. 20(1), 9-19.
วิชุดา กรุยเปรียงและสุมนา เขียนนิล. (2564). การแก้ปัญหาการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
โดยใช้ชุดกิจกรรมการอ่านออกเสียงบทร้อยกรองตามแนวคิดกรณีตัวอย่าง. วารสาร
วิชาการ ครุศาสตร์สวนสุนันทา. 5(2), 32-41.
วิไล กาวิชัย (2557). การใช้เทคนิคขับร้องเพื่อพัฒนาความสามารถการอ่านทำนองเสนาะของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนห้องสอนศึกษา. (วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
สมชาย แก้วเจริญ (2556). การใช้สื่อประสมเพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านทำนอง
เสนาะของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารวิชาการ Veridian E-Journal. 6(2), 1-13.