การตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • ธนิดา ภาสะวณิช -
  • กิตติศักดิ์ สินศิริวัฒนา
  • วิทยา สง่างาม
  • ธิติมา เหยียดกระโทก
  • สุนทร แม้นสงวน

คำสำคัญ:

การตัดสินใจ, รูปแบบการออกกำลังกาย, นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในประเทศไทย 2) เปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในประเทศไทยในแต่ละภูมิภาค จำแนกตามเพศ และระดับชั้น กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนโรงเรียนการศึกษาระดับมัธยมศึกษาขั้นพื้นฐาน  ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2567 จาก 6 ภาคของประเทศไทย ภาคละ 2 จังหวัด ๆ ละ 1โรงเรียน รวมทั้งสิ้น จำนวน 12 โรงเรียน จำนวน 480 คน เครื่องมือวิจัย แบบสอบถามการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาในประเทศไทย การวิเคราะห์ข้อมูล 1)  การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ (Frequency), ร้อยละ (Percentage),  ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 2) ทำการเปรียบเทียบด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว One-Way ANOVA และเมื่อพบความแตกต่างใช้สถิติการเปรียบเทียบรายคู่แบบ Scheffe ผลการวิจัยพบว่า

1) นักเรียนมีการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผล เมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยรายด้าน พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในประเทศไทยมีการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลอยู่ใน “ระดับปานกลาง” ทุกด้าน ยกเว้นเหตุผลด้านสุขภาพที่อยู่ใน “ระดับมาก” จำแนกตามเพศ พบว่า เพศชายมีการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลเฉลี่ยสูงกว่าเพศหญิงในทุกด้าน และจำแนกตามระดับชั้น พบว่า นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายมีการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลเฉลี่ยสูงกว่านักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในทุกด้าน ยกเว้นด้านการตัดสินใจด้วยเหตุผลสถานการณ์ภายนอกบังคับที่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นมีการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลเฉลี่ยสูงกว่า

 2) การเปรียบเทียบการตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผล จำแนกตามภูมิภาค พบว่า ในภาพรวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างทางสถิติ (F = 1.35, p = 0.23)

คำสำคัญ : การตัดสินใจ, แบบสอบถาม, นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา

เอกสารอ้างอิง

กลุ่มงานวิจัยพฤติกรรมและปรากฏการณ์ทางสังคม. (2564). บทวิเคราะห์: สถานการณ์กิจกรรมทางกายของประชากรไทย ปี 2565 และแนวทางส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ปี 2566. สืบค้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2567, จาก https://tpak.or.th/th/article_print/647

คนธรส ประสมศิลป์. (2563). รูปแบบการเข้าร่วมการใช้เวลาว่าง ของวัยรุ่นในชุมชนตําบลศาลาลําดวน อําเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว. ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.

จตุพร จำรองเพ็ง และศิราณีย์ อินธรหนองไผ่. (2564). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการออกกำลังกายของเด็กวัยเรียนตอนปลาย ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. วารสารพยาบาลตำรวจ, 13(2), 418-426.

ชนงกรณ์ กุณฑลบุตร. (2547). หลักการจัดการ : องค์การและการจัดการจัดการแนวคิดการบริการบริหารธุรกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ธิรตา ภาสะวณิช. (2563). เครื่องมือออกกำลังกาย KAS3201. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

บุญสม มาร์ติน และคณะ. (2538). หนังสือเรียนพลานามัย พ 401,402 สุขศึกษา. กรุงเทพฯ: อักษรเจริญทัศน์.

บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

พงษ์ศักดิ์ พละพงษ์. (2527). ประวัติ และปรัชญา วิธีการสอนพลศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช.

มาริสา เกตุขาว. (2554). สภาพและความต้องการการออกกำลังกายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสาธิตในเขตกรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2554. ปริญญานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ.

วรพจน์ บุษราคัมวดี. (2548). องค์การและการจัดการ. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์.

โสภณ อาภรณ์ศิริโรจน. (2562). การศึกษาพฤติกรรมการออกกำลังกายของนักเรียน โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำเพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และนันทนาการ, 45(1).

สร้อยตระกูล (ติวยานนท์) อรรถมานะ. (2550). พฤติกรรมองค์การ ทฤษฎีและการประยุกต์ (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2552. (2556). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พ.ศ. 2555-2559. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567, จาก https://www.nesdc.go.th/download/article/article_20160323112431.pdf

สำนักส่งเสริมสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2566). รายงานประจำปี 2565. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567, จาก https://hp.anamai.moph.go.th/th/annualreport#

สำนักงานกองทุนสนับสนุนสุขภาพ สสส. (2566). สุขภาพคนไทย 2566. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567, จาก https://www.thaihealth.or.th/e-book

สำนักสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2560). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 และมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560). สืบค้นเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2567, จาก http://academic.obec.go.th/web/news/view/75

ศิริพร พงศ์ศรีโรจน์. (2546). องค์การและจัดการ (พิมพ์ครั้งที่ 6).กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์.

อุดร รัตนภักดิ์. (2523). ปรัชญาพลศึกษา. กรุงเทพฯ: ภาควิชาพลศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.

Coleman, J.S. (1990). Foundation of social theory. Cambridge: Harvard University Press.

World Health Organization. (2024). Adolescent health. Retrieved 17 August 2024, from https://www.who.int/health-topics/adolescent-health#tab=tab_1.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-08-08

รูปแบบการอ้างอิง

ภาสะวณิช ธ. ., สินศิริวัฒนา ก. ., สง่างาม ว. ., เหยียดกระโทก ธ. ., & แม้นสงวน ส. . (2025). การตัดสินใจเลือกรูปแบบการออกกำลังกายอย่างมีเหตุผลของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในประเทศไทย. วารสารมนุษยศาสตร์ ฉบับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 14(1), 33–48. สืบค้น จาก https://so08.tci-thaijo.org/index.php/ghuru/article/view/5084