จริยธรรมในการตีพิมพ์บทความ

หน้าที่ของผู้นิพนธ์

  1. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองโดยเด็ดขาดว่าบทความที่ส่งพิจารณาเป็นผลงานทางวิชาการซึ่งตนเป็นผู้จัดทำขึ้น ไม่ว่าผู้เดียวหรือร่วมกับผู้นิพนธ์ร่วมตามที่ระบุไว้โดยชัดแจ้งแล้ว
  2. ผู้นิพนธ์ต้องยืนยันว่าผู้นิพนธ์ทุกรายที่ปรากฏชื่อมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญต่อการกำหนดแนวคิด การดำเนินงานวิจัย หรือการวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษา และได้ตรวจสอบรวมทั้งให้ความเห็นชอบต่อบทความฉบับสมบูรณ์แล้วทุกประการ
  3. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความมีความถูกต้อง ครบถ้วน และจัดทำขึ้นโดยยึดถือหลักเกณฑ์ทางวิชาการและมาตรฐานทางวิชาชีพที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
  4. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความได้จัดทำและจัดรูปแบบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทั้งหมดที่กำหนดไว้ใน “คำแนะนำสำหรับผู้นิพนธ์” อย่างเคร่งครัด
  5. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความไม่เคยได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่มาก่อน ไม่ว่าในส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด และไม่ว่าในสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์รูปแบบใดก็ตาม
  6. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่า ภายหลังจากการส่งบทความเพื่อพิจารณาเผยแพร่กับทางวารสารฯ แล้ว บทความดังกล่าวมิได้ถูกเสนอ อยู่ในระหว่าง หรือจะถูกเสนอเพื่อรับการพิจารณาต่อวารสารอื่นในเวลาเดียวกัน การยื่นพิจารณาซ้ำเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่เป็นเรื่องต้องห้ามกระทำโดยเด็ดขาด และหากตรวจพบว่าบทความได้ถูกส่งหรือยื่นเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ต่อวารสารอื่นในระหว่างช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสาร วารสารมีอำนาจปฏิเสธบทความทันทีและระงับสิทธิในการยื่นบทความใหม่ของผู้นิพนธ์ต่อวารสารเป็นระยะเวลาสาม (3) ปี ทั้งนี้ วารสารสงวนสิทธิที่จะรายงานเหตุการยื่นซ้ำดังกล่าวต่อวารสารหรือแหล่งพิจารณาเผยแพร่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการตามที่เห็นสมควร
  7. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าจะไม่เพิกถอนบทความภายหลังการส่งบทความเพื่อพิจารณาเผยแพร่กับทางวารสารฯ เว้นแต่จะมีเหตุผลอันสมควรและมีความจำเป็นที่สามารถแสดงเหตุผลได้อย่างเพียงพอ
  8. ผู้นิพนธ์รับทราบและตกลงว่า เมื่อกระบวนการพิจารณาบทความเสร็จสิ้นแล้ว จะไม่อนุญาตให้มีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมรายชื่อผู้นิพนธ์หรือสังกัดสถาบันโดยเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ
  9. การลอกเลียนหรือการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในทุกรูปแบบเป็นเรื่องต้องห้ามกระทำโดยเด็ดขาดเคร่งครัด ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความปลอดจากการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิทางทรัพย์สินทางปัญญาอื่นใดของบุคคลภายนอก ในกรณีที่มีการใช้แนวคิด ข้อความ หรือผลงานของผู้อื่น ไม่ว่าจะเผยแพร่แล้วหรือไม่ ต้องมีการอ้างอิงและระบุแหล่งที่มาอย่างถูกต้องครบถ้วน หากตรวจพบการกระทำดังกล่าวไม่ว่าในขั้นตอนใด วารสารมีสิทธิระงับกระบวนการพิจารณาทันทีและส่งคืนบทความแก่ผู้นิพนธ์ที่รับผิดชอบ
  10. ในกรณีที่บทความเกี่ยวข้องกับการใช้สัตว์ มนุษย์ หรือตัวอาสาสมัครในการวิจัย ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าได้ขอรับความยินยอมโดยรู้ข้อมูลครบถ้วน (informed consent) และได้ดำเนินการวิจัยโดยสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานจริยธรรมสากลอย่างเคร่งครัด
  11. ผู้นิพนธ์ต้องเปิดเผยการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใด ๆ ในการจัดทำบทความ การใช้ AI เพื่อปรับแก้ภาษาในลักษณะจำกัด (เช่น การตรวจไวยากรณ์หรือสะกดคำ) อาจกระทำได้หากได้เปิดเผยโดยชัดแจ้ง ทั้งนี้ ห้ามใช้ AI ในการจัดทำหรือร่างเนื้อหาสาระของบทความโดยเด็ดขาด ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หากตรวจพบว่ามีการใช้ AI ในการจัดทำเนื้อหาสาระของบทความ วารสารมีสิทธิปฏิเสธบทความและระงับสิทธิในการยื่นบทความของผู้นิพนธ์เป็นระยะเวลา 5 ปี และหากตรวจพบว่าได้ใช้ AI เพื่อแก้ไขภาษาโดยมิได้เปิดเผย วารสารมีสิทธิปฏิเสธบทความและระงับสิทธิในการยื่นบทความของผู้นิพนธ์เป็นระยะเวลา 2 ปี
  12. ผู้นิพนธ์ตกลงโอนลิขสิทธิ์ในบทความให้แก่วารสาร ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขสำคัญแห่งการตีพิมพ์เผยแพร่ และเมื่อบทความได้รับการตีพิมพ์แล้วจะไม่สามารถนำไปเผยแพร่ซ้ำในรูปแบบใด ๆ ได้อีกโดยเด็ดขาด

หน้าที่ของบรรณาธิการ

  1. ก่อนดำเนินกระบวนการส่งพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ บรรณาธิการต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า บทความที่ได้รับการส่งเข้าพิจารณาทุกฉบับอยู่ภายในวัตถุประสงค์และขอบเขตของวารสาร
  2. บรรณาธิการต้องประเมินบทความทุกฉบับโดยพิจารณาจากคุณค่าทางวิชาการและมาตรฐานทางวิชาการที่เป็นที่ยอมรับเท่านั้น โดยการประเมินจะต้องกระทำโดยปราศจากอคติหรือความลำเอียงต่อผู้นิพนธ์หรือผู้ประเมินบทความไม่ว่ากรณีใด
  3. บรรณาธิการต้องธำรงรักษาความเป็นอิสระและความสุจริตแห่งกระบวนการประเมินบทความ โดยต้องไม่แทรกแซง ชี้นำ หรือกระทำการใดๆ ที่ส่งผลให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อเนื้อหาของบทความ หรือต่อความเห็นโดยอิสระของผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ
  4. บรรณาธิการต้องรักษาความลับโดยเคร่งครัดเกี่ยวกับบทความที่ได้รับ ชื่อผู้นิพนธ์ และชื่อผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความตลอดกระบวนการพิจารณา และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแก่บุคคลที่ไม่มีอำนาจโดยเด็ดขาด
  5. บรรณาธิการต้องไม่เข้าทำหน้าที่พิจารณาบทความใด ๆ ที่มีความขัดกันแห่งผลประโยชน์กับผู้นิพนธ์หรือผู้ประเมินบทความ ทั้งนี้ บรรณาธิการต้องไม่แสวงหา หรือมีพฤติการณ์ที่อาจถูกตีความได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ทางวิชาชีพจากบทความที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
  6. บรรณาธิการมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบองค์ความรู้ใหม่ (Originality) ของบทความ โดยต้องทำการตรวจคัดกรองการยื่นซ้ำและการลอกเลียนผลงานด้วยโปรแกรมตรวจสอบที่เป็นที่ยอมรับโดยสากล หากพบพฤติการณ์อันมีมูลว่าเป็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว จะต้องทำการระงับกระบวนการพิจารณาและติดต่อผู้นิพนธ์ที่รับผิดชอบเพื่อขอคำชี้แจงโดยทันที
  7. บรรณาธิการต้องตรวจสอบบทความทุกฉบับว่ามีการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่เปิดเผยหรือไม่ หากบรรณาธิการมีเหตุอันควรสงสัยว่าบทความได้ถูกจัดทำขึ้นทั้งหมดหรือบางส่วนโดยใช้ AI โดยมิได้เปิดเผย จะต้องทำการระงับกระบวนการพิจารณาและติดต่อผู้นิพนธ์ที่รับผิดชอบเพื่อขอคำชี้แจงโดยทันที และจะต้องดำเนินการตามนโยบายของวารสาร ซึ่งอาจรวมถึงการปฏิเสธบทความและการลงโทษผู้นิพนธ์ตามหลักเกณฑ์ของวารสาร
  8. บรรณาธิการต้องปฏิบัติตามนโยบาย กฎ ระเบียบ ขั้นตอน และมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาการของวารสารอย่างเคร่งครัด เพื่อคุ้มครองความสุจริตทางวิชาการและรักษาคุณภาพของวารสาร

หน้าที่ของผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ

  1. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องประเมินคุณภาพ องค์ความรู้ใหม่ (Originality) และคุณค่าทางวิชาการของบทความด้วยความรอบคอบ ปราศจากอคติ และด้วยความสามารถทางวิชาชีพตามสมควร ความเห็นเกี่ยวกับบทความที่ประเมินต้องมีความชัดเจน พร้อมแสดงเหตุผลหรือแหล่งอ้างอิงประกอบเมื่อเห็นว่าเหมาะสมตามสมควร
  2. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องให้ความเห็นต่อบทความอย่างเป็นกลาง โดยปราศจากความลำเอียงหรืออคติต่อผู้นิพนธ์ไม่ว่ากรณีใด ๆ
  3. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องรับรองว่าตนมีความเชี่ยวชาญและความรู้ความสามารถในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องเพียงพอที่จะทำการประเมินบทความอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ หากเห็นว่าตนไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวเพียงพอ ต้องปฏิเสธการรับหน้าที่ประเมินบทความโดยทันที
  4. เนื่องจากกระบวนการพิจารณาประเมินบทความของวารสารเป็นลักษณะแบบปกปิดตัวตน (blind review) ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความจะต้องไม่พยายามสืบค้นหรือระบุตัวตนของผู้นิพนธ์ และต้องเคารพหลักการของกระบวนการดังกล่าวโดยเคร่งครัด
  5. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องรักษาความลับอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับบทความที่อยู่ระหว่างการประเมิน รวมถึงกระบวนการประเมินบทความทั้งหมด และต้องไม่เปิดเผย สนทนา หรือแบ่งปันข้อมูลใด ๆ ให้แก่บุคคลที่ไม่มีอำนาจโดยเด็ดขาด
  6. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องไม่รับหน้าที่ประเมินบทความใด ๆ ที่มีความขัดกันแห่งผลประโยชน์กับผู้นิพนธ์ ไม่ว่าด้วยเหตุผลส่วนบุคคล เหตุผลทางวิชาชีพ หรือเหตุผลของสถาบัน
  7. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องไม่แสวงหา หรือมีพฤติการณ์อันอาจถูกตีความได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ทางวิชาชีพจากบทความที่อยู่ระหว่างการประเมิน หรือจากการมีส่วนร่วมในกระบวนการประเมินบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความ
  8. ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความต้องไม่ใช้เนื้อหา หรือแนวคิดที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ซึ่งได้มาจากกระบวนการประเมินบทความไม่ว่ารูปแบบใด ๆ และไม่ว่าจะมีการอ้างอิงหรือไม่ก็ตาม
  9. หากผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความพบข้อบ่งชี้ว่าอาจมีการลอกเลียนผลงาน การลอกผลงานตนเอง (self-plagiarism) การสร้างข้อมูลเท็จ (data fabrication) หรือการบิดเบือนข้อมูล (data falsification) ต้องแจ้งบรรณาธิการให้รับทราบโดยทันที
  10. หากผู้ทรงคุณวุฒิประเมินบทความมีเหตุอันควรสงสัยว่าบทความที่ประเมินถูกสร้างขึ้นทั้งหมดหรือบางส่วนโดยใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยมิได้เปิดเผย จะต้องแจ้งบรรณาธิการโดยทันทีเพื่อดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อไป

นโยบายการใช้ปัญญาประดิษฐ์
          วารสารตระหนักถึงการใช้งานเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในการจัดทำงานเขียนทางวิชาการ ผู้เขียนอาจใช้เครื่องมือดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการเขียนได้ โดยมีเงื่อนไขว่าการใช้งานดังกล่าวจะต้องเปิดเผยอย่างชัดเจนและโปร่งใส 

          ทั้งนี้ บทความที่ส่งมายังวารสารต้องเป็นไปตามข้อกำหนดด้านจริยธรรมและมาตรฐานของวารสาร โดยมีแนวปฏิบัติดังต่อไปนี้ 

ผู้เขียน: เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เช่น ChatGPT, Gemini หรือ Copilot ไม่ถือเป็นผู้เขียนหรือผู้ร่วมเขียน ผู้เขียนต้องเป็นบุคคลที่เป็นมนุษย์เท่านั้น และต้องรับผิดชอบเนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฏในบทความแต่เพียงผู้เดียว
การสร้างเนื้อหา: ห้ามใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์สร้างเนื้อหาทั้งบทความหรือในส่วนสำคัญ (เช่น บทคัดย่อ ระเบียบวิธี ผลการศึกษา หรือการอภิปราย) โดยปราศจากการตรวจสอบจากผู้เขียน อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนอาจใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เพื่อปรับปรุงความชัดเจนของภาษา เช่น แก้ไขไวยากรณ์ การสะกดคำ เป็นต้น ทั้งนี้ ถือเป็นการใช้ในลักษณะ “เครื่องมือช่วยเหลือ” (Assistive AI) ซึ่งไม่จำต้องเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังคงต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้อง ความครบถ้วน และคุณภาพของเนื้อหาทั้งหมด
การอ้างอิงแหล่งข้อมูล: ห้ามอาจอ้างอิงเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เป็นแหล่งอ้างอิงหลักในเชิงอรรถหรือบรรณานุกรม ผู้เขียนควรตรวจสอบถึงความถูกต้องแท้จริงของแหล่งข้อมูลที่ใช้อ้างอิง เนื่องจากเครื่องมือดังกล่าวอาจสร้างข้อมูลที่ผิดพลาดหรืออ้างอิงแหล่งข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริง 
ความเสี่ยงในการคัดลอกผลงาน: ผู้เขียนควรตระหนักว่าเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์อาจสร้างข้อความที่มีลักษณะคล้ายกับผลงานของผู้อื่น (Plagiarism) โดยไม่ได้ตั้งใจ จึงต้องตรวจสอบและอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง หากตรวจสอบพบว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือการลอกเลียนผลงานของผู้อื่น ผู้เขียนจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทางวารสารจะไม่ร่วมรับผิดชอบหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น

ข้อกำหนดในการเปิดเผยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในงานเขียน

          ผู้เขียนที่มีการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ในการจัดทำบทความต้องเปิดเผยอย่างชัดเจน โดยสามารถระบุไว้ในส่วนของกิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) หรือในส่วนเฉพาะที่ชื่อว่า แถลงการณ์การใช้ AI (AI Usage Statement) คำแถลงการณ์ประกอบไปด้วย ชื่อของเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในงานเขียน และวัตถุประสงค์ในการใช้งาน (เช่น การระดมความคิด การจัดรูปแบบการอ้างอิง ฯลฯ) 
          ตัวอย่างเช่น ในการจัดทำบทความฉบับนี้ ผู้เขียนได้ใช้เครื่องมือ… [ระบุชื่อเครื่องมือ เช่น ChatGPT] เพื่อวัตถุประสงค์… [เช่น การแก้ไขระดมความคิด การจัดรูปแบบอ้างอิง ฯลฯ] ผู้เขียนได้ตรวจสอบและแก้ไขเนื้อหาภายหลังการใช้งานและรับผิดชอบต่อบทความฉบับสมบูรณ์ทั้งหมด
          ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาทั้งหมดในบทความของตนที่ส่งมา การใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่เปิดเผยตามแนวปฏิบัติของวารสารไม่เป็นเหตุให้บทความถูกปฏิเสธโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่ามีการใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์โดยไม่เปิดเผยหรือมีการใช้อย่างไม่เหมาะสม วารสารขอสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธบทความดังกล่าวในในทุกขั้นตอนของกระบวนพิจารณาหรือการตีพิมพ์ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในลักษณะ ไม่เหมาะสม รวมถึง การสร้างเนื้อหาที่ผิดหรือทำให้เข้าใจผิด การลอกเลียนหรือไม่อ้างอิงผลงานของผู้อื่น การแสดงเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ว่าเป็นผลงานต้นฉบับของผู้เขียน โดยถือว่าการกระทำดังกล่าวนี้เป็นการละเมิดจริยธรรมทางวิชาการและจรรยาบรรณในการเขียนเขียนบทความ