แนวทางการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนในชั้นก่อนฟ้องคดี: ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรสาคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากระบวนการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กและเยาวชนของศูนย์ให้คำปรึกษาฯ ในชั้นก่อนฟ้องคดี และศึกษาแนวทางการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู เด็กและเยาวชนของศูนย์ให้คำปรึกษาฯ ในชั้นก่อนฟ้องคดี ตามมาตรา 73 โดยใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพและเก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก ร่วมกับการสนทนากลุ่ม โดยผู้ให้ข้อมูลหลักได้แก่ ผู้บังคับบัญชา ผู้ให้คำปรึกษาเจ้าของคดี นักจิตวิทยา เยาวชนและผู้ปกครองของเยาวชนที่กระทำความผิด
ผลการศึกษาพบว่า มาตรา 73 เป็นมาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญาในช่วงก่อนฟ้องหรือผลัดฟ้อง ซึ่งมีกระบวนการตั้งแต่ศาลฯ พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ปล่อยตัวเด็กหรือเยาวชนชั่วคราวโดยให้เด็กหรือเยาวชนอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองและให้เข้ามารายงานตัวกับศูนย์ให้คำปรึกษาฯ ทุก 15 วัน และแต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาฯ ในการคัดกรอง รวมถึงแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเด็กหรือเยาวชนที่กระทำความผิด โดยให้รายงานผลการเปลี่ยนแปลงของเด็กหรือเยาวชนทุก 15 วัน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาพิพากษาคดี
สำหรับแนวทางการให้คำปรึกษาเพื่อแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู เด็กและเยาวชนในชั้นก่อนฟ้องคดี มาตรา 73 พบว่าการให้คำปรึกษาตามมาตรา 73 เป็นการให้คำปรึกษาที่ยากที่สุด เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู ซึ่งเด็กหรือเยาวชนและครอบครัวจะมีความกลัวและวิตกกังวลในการเข้ารับการปรึกษา ดังนั้นแนวทางการให้คำปรึกษาในช่วงก่อนฟ้องคดี ได้แก่ 1) การสร้างสัมพันธภาพเพื่อความไว้วางใจ 2) การให้คำปรึกษาที่ยืดหยุ่น 3) การวางแผนและกำหนดมาตรการที่มีประสิทธิผล 4) การติดตามที่หลากหลาย โดยมีข้อเสนอเสนอแนะในการศึกษาคือ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรสาคร ควรจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับผู้ให้คำปรึกษา เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเกี่ยวกับกระบวนการและวิธีการแก้ไข บำบัด ฟื้นฟู เด็ก เยาวชนและครอบครัวตามมาตรา 73 รวมถึงมาตราอื่น ๆ นอกจากนี้มีข้อเสนอแนะต่อสถาบันครอบครัวในสังคม ให้ดูแลเอาใจใส่ในการเลี้ยงดูบุตรหลานอย่างอบอุ่นและใกล้ชิด รวมถึงเสนอให้ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอื่น ทำการวิจัยต่อยอดไปยังมาตราต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรา 132 และมาตรา 90