ภาวะหมดไฟจากการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเขตกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณา เพื่อหาความชุกและปัจจัยที่ เกี่ยวข้องกับภาวะหมดไฟของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเก็บข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล จำนวน 500 คน ใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบ ประเมิน Maslach Burnout Inventory แบบสอบถามความพึงพอใจในงาน แบบวัดความเครียดสวนปรุง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ Independent t test , Chi-squared, Fisher's Exact Test, Binary logistic regression analysis
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีสัดส่วนเป็นเพศหญิง(81%) มีอายุช่วง 20 – 29 ปี (64.8%) ระดับการศึกษาปริญญาตรี (81.8%) เป็นพยาบาลวิชาชีพ (42%) โดยมีภาวะหมดไฟด้านความอ่อนล้า ทางอารมณ์และการลดความเป็นบุคคลระดับต่ำ ร้อยละ 87.4 และ 98.8 ตามลำดับ ด้านความสำเร็จส่วนบุคคล ระดับปานกลาง ร้อยละ 36.8 ส่วนภาวะหมดไฟโดยรวมระดับต่ำ ร้อยละ 55.9 และระดับปานกลาง ร้อยละ 42.7 และพบว่าปัจจัยด้านความเครียดสูง อยู่แผนกผู้ป่วยนอก ภาระงานมาก เวลาพักน้อย เวลาในการเดินทาง มาทำงาน > 30 นาที การใกล้ชิดกับผู้รับบริการ ความยากลำบากช่วง Covid-19 การดื่มแอลกอฮอล์และชั่วโมงการนอนหลับต่อวัน ≤6 ชั่วโมง มีความสัมพันธ์กับภาวะหมดไฟในการทำงานปานกลาง-สูงอย่างมีนัยสำคัญทาง สถิติ (p <0.05) เมื่อวิเคราะห์ด้วย logistic regression analysis พบว่าปัจจัยที่ทำนายการมีภาวะหมดไฟ ระดับสูงได้แก่ การทำงานแผนกผู้ป่วยนอก ใกล้ชิดกับผู้รับบริการ ระยะเวลาพักน้อย การดื่มแอลกอฮอล์บางครั้ง และชั่วโมงการนอนหลับเฉลี่ยต่อวัน ≤6 ชั่วโมง
บุคลากรทางการแพทย์ในการศึกษาส่วนใหญ่มีภาวะหมดไฟในระดับต่ำ-ปานกลาง ซึ่งเกี่ยวข้อง กับลักษณะงานที่ทำ ระยะเวลาในการพักผ่อนนอนหลับและการใช้แอลกอฮอล์