ประสิทธิภาพของการคัดกรองและการบำบัดแบบย่อสำหรับความเสี่ยงจากการใช้สารเสพติดและความเครียดในทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารในจังหวัดปราจีนบุรี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดแบบย่อ (Brief Intervention) ต่อพฤติกรรมการใช้สารเสพติดของทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ของกับพฤติกรรมการใช้สารเสพติดของทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารในจังหวัดปราจีนบุรี และเพื่อเปรียบเทียบความเครียดและพฤติกรรมการใช้สารเสพติด ก่อนและหลังการบำบัดแบบย่อของทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารในจังหวัดปราจีนบุรี เก็บรวบรวมข้อมูลจากทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารจังหวัดปราจีนบุรีที่มีการใช้สารเสพติดและมีความเสี่ยงจากการใช้สารเสพติดที่ได้รับการเกณฑ์ทหารมาเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือน จำนวน 45 คน โดยเก็บรวบรวมข้อมูล 2 ครั้ง (ก่อนและหลังการบำบัดแบบย่อ) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบประเมินความเครียด แบบคัดกรองประสบการณ์ในการใช้ยาสูบ สุรา และสารเสพติดตัวอื่นๆ และการตรวจปัสสาวะ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน
ผลการศึกษาพบว่า พฤติกรรมการใช้สารเสพติดอย่างน้อยหนึ่งชนิด ก่อนและหลังการบำบัดแบบย่อ มีสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 100.00 และ 64.40 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีประสิทธิภาพการบำบัดแบบย่อ โดยสารที่มีการใช้มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เครื่องดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ ใบกระท่อม สารผสมน้ำต้มใบกระท่อม และกัญชา โดยมีความเสี่ยงระดับปานกลาง มีความเครียดก่อนการบำบัดแบบย่อระดับสูง (ร้อยละ 35.60) หลังการบำบัดแบบย่อส่วนใหญ่มีความเครียดระดับน้อย (ร้อยละ 51.10) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเครียดก่อนการบำบัดแบบย่อระดับสูง (ร้อยละ 35.60) หลังการบำบัดแบบย่อมีความเครียดอยู่ในระดับน้อย (ร้อยละ 51.10) จากการทดสอบสมมติฐาน พบว่า อายุ ภูมิลำเนา รายได้ และความเครียดมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้สารเสพติดของทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารในจังหวัดปราจีนบุรี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้สารเสพติดและความเครียดของทหารเกณฑ์ สังกัดหน่วยทหารในจังหวัดปราจีนบุรีลดลงหลังได้รับการบำบัดแบบย่อ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กนิษฐา ไทยกล้า. (2565). สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทยและแนวโน้มการแพร่ระบาด. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด.
กุนนที นวลสุวรรณ. (2555). ความเครียด และวิธีการเผชิญความเครียดของพลทหารใหม่. วารสารพยาบาล ทหารบก 2555; 132: 72-81.
คณิน จินตนาปราโมทย์, และพรชัย สิทธิศรัณย์กุล. (2562). ความเครียดและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารเสพติดในทหารเกณฑ์. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย, 27(3), 45–58.
พัชรี. (2563). ความเครียดและพฤติกรรมการใช้สารเสพติดของทหารและบุคลากรด้านความมั่นคง. วารสารวิจัยด้านสุขภาพจิตและสังคม, 11(2), 45–58.
พาตีเมาะ นิมา, และคณะ. (2561). การพัฒนาและประเมินผลแบบคัดกรอง ASSIST ในประชากรไทย. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 12(2), 89–103.
วราภรณ์. (2561). อิทธิพลของบริบทชุมชนต่อพฤติกรรมการใช้สารเสพติด. วารสารสาธารณสุขชุมชน, 10(1), 55–68.
โรงเรียนรัชชประภาวิทยาคม. (2562). รายงานผลการสำรวจสถานการณ์การใช้สารเสพติดในประเทศไทย ปี 2562. กรุงเทพฯ: ผู้จัดทำ.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). (2554). คู่มือการคัดกรองและบำบัดแบบย่อด้วย ASSIST สำหรับบุคลากรสุขภาพ. กรุงเทพฯ: สสส.
สมชาย, ร., ธนพล, ว., และกมล, น. (2562). ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สัมพันธ์กับการใช้สารเสพติดของกลุ่มแรงงานและทหารเกณฑ์. วารสารสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์, 14(3), 23–39.
สุพัตรา, ก., สมบัติ, ข., และนฤมล, จ. (2564). ผลของการบำบัดแบบย่อต่อความเครียดและพฤติกรรมการใช้สารเสพติด. วารสารการพยาบาลและการสาธารณสุข, 35(1), 89–102.
สุรศักดิ์, พ., อนันต์, ช., และวิภา, ส. (2560). พัฒนาการมนุษย์กับพฤติกรรมเสี่ยงในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย.
Humeniuk, R. E., Dennington, V., & Ali, R. L. (2008). The Alcohol, Smoking and Substance Involvement Screening Test (ASSIST): Manual for use in primary care. Geneva: World Health Organization.
Lazarus, R. S., & Folkman, S. (1984). Stress, appraisal, and coping. New York: Springer Publishing Company.
Miller, W. R., & Rollnick, S. (2013). Motivational interviewing: Helping people change (3rd ed.). New York: Guilford Press.
World Health Organization. (2014). Social determinants of health. Geneva: World Health Organization.