ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลวิธี START เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

Main Article Content

มาณิศา สังเมียน
สุนีตา โฆษิตชัยวัฒน์
ปทิตตา สัตตภูธร

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อ 1) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยกลวิธี START 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลวิธี START กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 38 คน ซึ่งศึกษารายวิชา อ22102 ภาษาอังกฤษ 4 เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลวิธี START จำนวน 3 แผน 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ            3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลวิธี START สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบแบบไม่เป็นอิสระจากกัน (t-test dependent) และการวิเคราะห์ส่วนเนื้อหา (Content Analysis)


ผลวิจัยพบว่า ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนหลังการจัด การเรียนรู้โดยใช้กลวิธี START สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้กลวิธี START โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก นอกจากนี้ยังพบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบจัดการเรียนรู้ด้วยกลวิธี START อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยนักเรียนมีความพึงพอใจสูงที่สุด ได้แก่ ด้านประโยชน์ที่ได้รับ ด้านกิจกรรมการเรียนรู้ และด้านเนื้อหา ตามลำดับ

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สังเมียน ม. ., โฆษิตชัยวัฒน์ ส. ., & สัตตภูธร ป. . (2025). ผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกลวิธี START เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. Journal of Dhamma for Life, 32(1), 373–385. สืบค้น จาก https://so08.tci-thaijo.org/index.php/dhammalife/article/view/5921
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. สำนักพิมพ์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2557). นโยบายปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ. สำนักนโยบายและแผนการศึกษา.

จุฑารัตน์ พิมพ์ไทยสง. (2563). การพัฒนาการจัดการเรียนรู้การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

สำนักเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561–2580.

วสันต์. (2563). การส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยสื่อเทคโนโลยีและโครงสร้างการเรียนรู้ที่ชัดเจน: กรณีศึกษาการใช้ Mind Map. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย.

วิภารัตน์. (2564). การพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อความเข้าใจของนักเรียนด้วยกลวิธี START. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัย.

Brown, H. D. (2001). Teaching by principles: An interactive approach to language pedagogy (2nd ed.). Longman.

Duke, N. K., & Pearson, P. D. (2002). Effective practices for developing reading comprehension. In A. E. Farstrup & S. J. Samuels (Eds.), What research has to say about reading instruction (205–242). International Reading Association.

EF English Proficiency Index. (2023–2024). EF EPI rankings. https://www.ef.com/epi

Grabe, W. (2009). Reading in a second language: Moving from theory to practice. Cambridge University Press.

NCSALL. (2005). Focus on comprehension: Reading strategies for adult learners. National Center for the Study of Adult Learning and Literacy.

Oakhill, J. (1994). Reading comprehension and its development. Psychology Press.

Oxford, R. L. (1990). Language learning strategies: What every teacher should know. Heinle & Heinle.

Vygotsky, L. S. (1978). Mind in society: The development of higher psychological processes. Harvard University Press.